วัยรุ่นนอนดึกอาจเป็นโรคอ้วนได้
นำเสนอข่าวโดย > ทีมงานจ๊อบไทยดีดี ดอทคอม
ใครชอบนอนดึกฟังให้ดี เมื่อนักวิจัยออสเตรเลียเตือนว่า วัยรุ่นที่นอนดึกนั้นมีแนวโน้มที่จะมีน้ำหนักมากกว่าวัยรุ่นที่ตื่นเช้า
ก่อนหน้านี้นักวิจัยเคยพบว่า การนอนน้อยจะไปเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นโรคอ้วนหรือน้ำหนักมากเกินปกติ แต่ล่าสุด นักวิจัยได้ทำการทดลองแล้วยืนยันว่า ลักษณะของเวลาเข้านอนนั้นก็มีความสำคัญเช่นกัน โดยได้เผยแพร่ในวารสารวิชาการ Sleep แล้ว
"งานวิจัยชิ้นนี้ได้แสดงให้เห็นว่า วัยรุ่นที่ชอบนอนดึกแล้วตื่นสายมักจะสุขภาพไม่ค่อยดี" ดร.คาร์โล มาเธอร์ นักวิจัยร่วม มหาวิทยาลัยเซาธ์ออสเตรเลียกล่าว
การค้นพบนี้ถือว่าขัดแย้งกับความเชื่อที่ว่า การที่วัยรุ่นนอนดึกแล้วตื่นสายถือเป็นเรื่องปกติ ถึงขั้นที่ว่ามีการเรียกร้องให้โรงเรียนปรับเวลาเรียนให้เหมาะสมกับลักษณะช่วงเวลานอนของวัยรุ่น
"ช่วงเวลานอนนั้นมีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ยังเป็นเด็ก โดยวัยรุ่นนั้นต้องการเวลานอนน้อยกว่าเด็ก และผู้ชายก็ต้องการเวลานอนน้อยกว่าผู้หญิง" ดร.มาเธอร์กล่าว
นักวิจัยได้ทำการศึกษาเด็กออสเตรเลีย 2,220 คนที่มีอายตั้งแต่ 9-16 ปี โดยได้เปรียบเทียบช่วงเวลานอนของเด็กและวันน้ำหนักและระดับของกิจกรรมที่ทำแบ่งตามอายุและเพศ
"สิ่งที่แตกต่างกันที่สุดก็คือ เด็กที่เข้านอนเร็วและตื่นแต่เช้า กับเด็กที่นอนดึกและตื่นสายนั้นมีความแตกต่างกันมาก ถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจทีเดียวนะ เพราะพวกเขานอนด้วยจำนวนชั่วโมงที่เท่ากันแท้ๆ เลย"
เด็กที่นอนดึกตื่นสายนั้นจะพบว่า มีโอกาสที่จะมีน้ำหนักมากกว่าปกติคิดเป็น 1.5 เท่าของเด็กที่นอนเร็วตื่นแต่เช้า และมีโอกาสที่จะเป็นโรคอ้วนมากเป็น 2 เท่าของกลุ่มที่นอนเร็วตื่นแต่เช้า และก็มีโอกาสที่ร่างกายไม่ค่อยกระปรี้กระเปร่าถึงสองเท่าเลยทีเดียว
เด็กกลุ่มนี้มักจะนอนดึกมากขึ้นโดยเฉลี่ยราวๆ หนึ่งชั่วโมงเพื่อทำกิจกรรมหน้าจอ เช่น ดูโทรทัศน์ หรือเล่นเกมออนไลน์
"เราจะเห็นได้ว่า เด็กที่ตื่นแต่เช้าและเข้านอนเร็วนั้นจะชอบทำกิจกรรมที่ต้องออกแรง และไม่ค่อยทำกิจกรรมประเภทนั่งหน้าจอ"
หลังจากที่เราทราบว่า กลุ่มวัยรุ่นที่ตื่นเช้าจะเข้าร่วมกิจกรรมที่ต้องใช้พละกำลังแล้ว ดร.มาเธอร์ก็กล่าวว่า งานวิจัยชิ้นนี้ยังต้องทำการศึกษาต่อไป เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงว่า ช่วงเวลาของการนอนไปมีผลให้เกิดโรคอ้วนได้อย่างไร
"ถามว่าช่วงเวลาของการนอนไปมีผลกับกิจกรรมที่ทำแต่ละวันมากน้อยแค่ไหน ดิฉันคิดว่า มันก็เป็นไปได้ที่ว่าช่วงเวลาของการนอนสำหรับบางคนจะมีผลต่อระดับกิจกรรมที่ทำแต่ละวัน"
"แต่ผลลัพธ์ในทางกลับกันอาจจะใช้ได้เฉพาะเด็ก เพราะเด็กก็มักจะเลือกทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงอยู่แล้ว ทำให้พวกเขาชอบตื่นเช้าและชอบเข้านอนเร็ว"
ส่วนเด็กที่นอนดึกตื่นสายนั้นมักจะมาจากครอบครัวที่ทางบ้านฐานะไม่ค่อยดี อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ และมีน้องต้องดูแลหลายคน
ทางด้าน ดร.หลุยส์ ฮาร์ดี้ นักวิจัยอาวุโสที่ศูนย์วิจัยเพื่อการป้องกันที่มหาวิทยาลัยซิดนี่ย์ ได้ทำการศึกษาอัตราการเกิดโรคอ้วนในวัยเด็ก ที่นิวเซาธ์เวลส์
ดร.ฮาร์ดี้เล่าว่า งานวิจัยของนักวิจัยที่ออสเตรเลียทางตอนใต้ได้เปลี่ยนแนวคิดของเราเกี่ยวกับพฤติกรรมการนอนของเด็กด้วย
"ขอเน้นว่า เด็กควรจะต้องนอน 8-9 ชั่วโมง แต่ช่วงเวลาที่เด็กเข้านอนก็สำคัญเหมือนกัน"
ดร.ฮาร์ดี้บอกว่า กิจกรรมที่ต้องนั่งอยู่หน้าจออย่างการดูโทรทัศน์กับโรคอ้วนมีความสัมพันธ์กัน
"นักวิจัยยังไม่ได้ข้อมูลของการรับประทานอาหาร แต่ก็น่าสนใจทีเดียวที่ว่า เด็กเหล่านี้ที่เข้านอนดึกมักจะอยู่หน้าทีวี หรือไม่ก็กำลังอยู่ในสังคมออนไลน์ พลางหาอะไรทานไปด้วย"
ดร.ฮาร์ดี้ได้ทำการสำรวจเด็กประถมและมัธยมต้นที่นิวเซาธ์เวลส์ 8,000 คน จนสามารถยืนยันการทดลองดังกล่าวได้ พร้อมทั้งยืนยันได้ว่า การเรียกร้องให้เปลี่ยนชั่วโมงเรียนนั้นเป็นความคิดที่ผิด
"มันไม่เหมาะสมเท่าไหร่ที่เราจะต้องไปสนับสนุนพฤติกรรมแบบนี้ อีกอย่างหนึ่งคือ พ่อแม่จะปรับตัวไม่ทันที่ต้องให้ลูกไปโรงเรียนตอน 10 นาฬิกา การเรียกร้องให้โรงเรียนเปลี่ยนชั่วโมงเรียนนั้นเป็นยุทธศาสตร์ที่ผิดเลยนะ เราจะต้องช่วยให้ครอบครัวของเด็กรู้ว่า ควรจะสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับเด็กอย่างไรถึงจะเหมาะสมกับโรงเรียน โดยที่ไม่ต้องใช้ยุทธศาสตร์ที่เสนอกันมานี้"
ที่มา http://www.vcharkarn.com/vnews/154012
ก่อนหน้านี้นักวิจัยเคยพบว่า การนอนน้อยจะไปเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นโรคอ้วนหรือน้ำหนักมากเกินปกติ แต่ล่าสุด นักวิจัยได้ทำการทดลองแล้วยืนยันว่า ลักษณะของเวลาเข้านอนนั้นก็มีความสำคัญเช่นกัน โดยได้เผยแพร่ในวารสารวิชาการ Sleep แล้ว
"งานวิจัยชิ้นนี้ได้แสดงให้เห็นว่า วัยรุ่นที่ชอบนอนดึกแล้วตื่นสายมักจะสุขภาพไม่ค่อยดี" ดร.คาร์โล มาเธอร์ นักวิจัยร่วม มหาวิทยาลัยเซาธ์ออสเตรเลียกล่าว
การค้นพบนี้ถือว่าขัดแย้งกับความเชื่อที่ว่า การที่วัยรุ่นนอนดึกแล้วตื่นสายถือเป็นเรื่องปกติ ถึงขั้นที่ว่ามีการเรียกร้องให้โรงเรียนปรับเวลาเรียนให้เหมาะสมกับลักษณะช่วงเวลานอนของวัยรุ่น
"ช่วงเวลานอนนั้นมีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ยังเป็นเด็ก โดยวัยรุ่นนั้นต้องการเวลานอนน้อยกว่าเด็ก และผู้ชายก็ต้องการเวลานอนน้อยกว่าผู้หญิง" ดร.มาเธอร์กล่าว
นักวิจัยได้ทำการศึกษาเด็กออสเตรเลีย 2,220 คนที่มีอายตั้งแต่ 9-16 ปี โดยได้เปรียบเทียบช่วงเวลานอนของเด็กและวันน้ำหนักและระดับของกิจกรรมที่ทำแบ่งตามอายุและเพศ
"สิ่งที่แตกต่างกันที่สุดก็คือ เด็กที่เข้านอนเร็วและตื่นแต่เช้า กับเด็กที่นอนดึกและตื่นสายนั้นมีความแตกต่างกันมาก ถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจทีเดียวนะ เพราะพวกเขานอนด้วยจำนวนชั่วโมงที่เท่ากันแท้ๆ เลย"
เด็กที่นอนดึกตื่นสายนั้นจะพบว่า มีโอกาสที่จะมีน้ำหนักมากกว่าปกติคิดเป็น 1.5 เท่าของเด็กที่นอนเร็วตื่นแต่เช้า และมีโอกาสที่จะเป็นโรคอ้วนมากเป็น 2 เท่าของกลุ่มที่นอนเร็วตื่นแต่เช้า และก็มีโอกาสที่ร่างกายไม่ค่อยกระปรี้กระเปร่าถึงสองเท่าเลยทีเดียว
เด็กกลุ่มนี้มักจะนอนดึกมากขึ้นโดยเฉลี่ยราวๆ หนึ่งชั่วโมงเพื่อทำกิจกรรมหน้าจอ เช่น ดูโทรทัศน์ หรือเล่นเกมออนไลน์
"เราจะเห็นได้ว่า เด็กที่ตื่นแต่เช้าและเข้านอนเร็วนั้นจะชอบทำกิจกรรมที่ต้องออกแรง และไม่ค่อยทำกิจกรรมประเภทนั่งหน้าจอ"
หลังจากที่เราทราบว่า กลุ่มวัยรุ่นที่ตื่นเช้าจะเข้าร่วมกิจกรรมที่ต้องใช้พละกำลังแล้ว ดร.มาเธอร์ก็กล่าวว่า งานวิจัยชิ้นนี้ยังต้องทำการศึกษาต่อไป เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงว่า ช่วงเวลาของการนอนไปมีผลให้เกิดโรคอ้วนได้อย่างไร
"ถามว่าช่วงเวลาของการนอนไปมีผลกับกิจกรรมที่ทำแต่ละวันมากน้อยแค่ไหน ดิฉันคิดว่า มันก็เป็นไปได้ที่ว่าช่วงเวลาของการนอนสำหรับบางคนจะมีผลต่อระดับกิจกรรมที่ทำแต่ละวัน"
"แต่ผลลัพธ์ในทางกลับกันอาจจะใช้ได้เฉพาะเด็ก เพราะเด็กก็มักจะเลือกทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงอยู่แล้ว ทำให้พวกเขาชอบตื่นเช้าและชอบเข้านอนเร็ว"
ส่วนเด็กที่นอนดึกตื่นสายนั้นมักจะมาจากครอบครัวที่ทางบ้านฐานะไม่ค่อยดี อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ และมีน้องต้องดูแลหลายคน
ทางด้าน ดร.หลุยส์ ฮาร์ดี้ นักวิจัยอาวุโสที่ศูนย์วิจัยเพื่อการป้องกันที่มหาวิทยาลัยซิดนี่ย์ ได้ทำการศึกษาอัตราการเกิดโรคอ้วนในวัยเด็ก ที่นิวเซาธ์เวลส์
ดร.ฮาร์ดี้เล่าว่า งานวิจัยของนักวิจัยที่ออสเตรเลียทางตอนใต้ได้เปลี่ยนแนวคิดของเราเกี่ยวกับพฤติกรรมการนอนของเด็กด้วย
"ขอเน้นว่า เด็กควรจะต้องนอน 8-9 ชั่วโมง แต่ช่วงเวลาที่เด็กเข้านอนก็สำคัญเหมือนกัน"
ดร.ฮาร์ดี้บอกว่า กิจกรรมที่ต้องนั่งอยู่หน้าจออย่างการดูโทรทัศน์กับโรคอ้วนมีความสัมพันธ์กัน
"นักวิจัยยังไม่ได้ข้อมูลของการรับประทานอาหาร แต่ก็น่าสนใจทีเดียวที่ว่า เด็กเหล่านี้ที่เข้านอนดึกมักจะอยู่หน้าทีวี หรือไม่ก็กำลังอยู่ในสังคมออนไลน์ พลางหาอะไรทานไปด้วย"
ดร.ฮาร์ดี้ได้ทำการสำรวจเด็กประถมและมัธยมต้นที่นิวเซาธ์เวลส์ 8,000 คน จนสามารถยืนยันการทดลองดังกล่าวได้ พร้อมทั้งยืนยันได้ว่า การเรียกร้องให้เปลี่ยนชั่วโมงเรียนนั้นเป็นความคิดที่ผิด
"มันไม่เหมาะสมเท่าไหร่ที่เราจะต้องไปสนับสนุนพฤติกรรมแบบนี้ อีกอย่างหนึ่งคือ พ่อแม่จะปรับตัวไม่ทันที่ต้องให้ลูกไปโรงเรียนตอน 10 นาฬิกา การเรียกร้องให้โรงเรียนเปลี่ยนชั่วโมงเรียนนั้นเป็นยุทธศาสตร์ที่ผิดเลยนะ เราจะต้องช่วยให้ครอบครัวของเด็กรู้ว่า ควรจะสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับเด็กอย่างไรถึงจะเหมาะสมกับโรงเรียน โดยที่ไม่ต้องใช้ยุทธศาสตร์ที่เสนอกันมานี้"
ที่มา http://www.vcharkarn.com/vnews/154012
ติดตามข่าวบน Facebook กด Like เพื่อไม่พลาดข่าว !!!
ศูนย์ข่าวสารงานราชการ ข่าวเปิดสอบราชการ ตำแหน่งงานว่างอัพเดทให้ทุกวัน ติดตามที่นี่ www.jobthaidd.com