เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 31 กรกฎาคม 2562 พ.ต.ท.นพดล ช่างเรือง รอง ผกก.สส.สภ.เมือง สมุทรปราการ ได้รับแจ้งจากพนักงานโรงแรมฮาร์ทอินน์ ถนนศรีนครินทร์ ต.บางเมือง อ.เมืองจ.สมุทรปราการ ว่า มีหญิงสาวถูกคนร้ายเป็นชายรูปร่างอ้วน ใส่เสื้อสีฟ้าลายทางขาว ไว้หนวดเครา ใช้อาวุธปืนจี้บังคับหญิงสาวให้ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นวีออส สีขาว ทะเบียน 1 กข 3878 กรุงเทพมหานคร เข้ามาเปิดห้องพักที่โรงแรม แต่หญิงได้หนีออกจากรถมาได้ ส่วนคนร้ายได้ขับรถเก๋งของผู้เสียหายหลบหนีออกไปทางถนนศรีนครินทร์ และไม่ทราบทิศทางที่หลบหนี หลังรับแจ้ง จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเดินทางเข้าตรวจสอบที่โรงแรมดังกล่าว




และได้พบ น.ส.กษิรา ฉัตรสกุลชัย อายุ 33 ปี ผู้เสียหายซึ่งทำงานอยู่ที่บริษัทเครื่องสำอางยี่ห้อหนึ่ง นั่งรอเจ้าหน้าที่อยู่ที่หน้าโรงแรม ด้วยอาการตกใจกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น พร้อมทั้งได้เล่าว่า ตนทำงานเป็นหัวหน้าสายขายเครื่องสำอางยี่ห้อหนึ่ง


ก่อนเกิดเหตุตนได้ขับรถยนต์เก๋งคันดังกล่าวเข้าไปจอดที่ลานจอดรถชั้น 1 ห้าง เซ็นทรัลบางนา แขวงและเขตบางนา กรุงเทพมหานคร ซึ่งตนได้นัดลูกค้าเอาไว้ที่ห้า ในระหว่างที่ตนนั่งแต่งหน้าอยู่ในรถได้มีคนร้ายเป็นชายรูปร่างอ้วน ได้เดินเข้ามาพร้อมใช้อาวุธปืนแบบแม็กกาซีนสีดำ มาจี้บังคับให้ตนขับรถคันดังกล่าวพาออกจากห้าง โดยที่คนร้ายได้นั่งอยู่ที่เบาะหลังข้างขวาและใช้อาวุธปืนจี้บังคับให้ตนขับรถมาตามถนนศรีนครินทร์ ก่อนที่จะให้เลี้ยวเข้าไปในโรงแรมเฟิร์สอินน์



แต่พอตนขับรถไปถึงโรงแรมดังกล่าวกลับพบว่าโรงแรมปิดให้บริการไปแล้วกลายเป็นโรงแรมร้าง คนร้ายจึงได้ใช้ปืนจี้บังคับให้ตนขับรถวนออกมาก่อนพามาเข้าโรงแรมฮาร์ทอินน์ ซึ่งมีลักษณะคล้ายโรงแรมม่านรูด เมื่อตนขับรถมาถึงโรงแรมดังกล่าวพนักงานได้ทำการเปิดม่านให้ คนร้ายจึงให้ตนขับรถเข้าไปจอดที่หน้าห้อง ตนพยายามตั้งสติและรู้ว่าหากตนขับเอาด้านหน้ารถเข้าไป ตนก็ไม่มีโอกาสที่จะหนี ตนจึงได้ถอยหลังรถเข้าไปจอดโดยแกล้งชนโต๊ะชนเก้าอี้ที่วางอยู่ในละแวกนั้นเพื่อให้พนักงานโรงแรมเห็นความผิดปกติ สบโอกาสตนจึงได้เปิดประตูและวิ่งหนีออกจากรถมาขอความช่วยเหลือจากพนักงานโรงแรมดังกล่าว ส่วนคนร้ายเห็นท่าไม่ดีได้ปีนข้ามเบาะนั่งมาขับรถเก๋งคันดังกล่าวหลบหนีออกไปจากโรงแรม ตนจึงเล่าเรื่องทั้งหมดในพนักงานโรงแรมฟังก่อนที่พนักงานโรงแรมจะโทรศัพท์แจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

หลังทราบข้อมูลเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ภายในโรงแรมดังกล่าว ที่บันทึกใบหน้าของคนร้ายเอาไว้ได้อย่างชัดเจน พร้อมเสื้อผ้าที่คนร้ายสวมใส่ ซึ่งเป็นชุดฟอร์มของบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ภายในอาคารเดอะเนชั่น ถนนบางนาตราด หลักกิโลเมตรที่ 4 แขวงและเขตบางนา กทม. จึงแบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด ชุดแรกนนำกำลังไปซุ่มสังเกตการณ์อยู่ที่ลานจอดรถของอาคารเดอะเนชั่น ส่วนชุดที่สองออกตระเวนหารถยนต์เก๋งของผู้เสียหายที่คาดว่าคนร้ายน่าจะนำไปจอดทิ้งที่ใดที่หนึ่ง จนกระทั่งมาพบว่าคนร้ายได้นำรถยนต์เก๋งของผู้เสียหายไปจอดทิ้งไว้ในปั้มน้ำมันเอสโซ่ สาขาถนนศรีนครินทร์ ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ก่อนที่คนร้ายจะนั่งรถแท็กซี่ออกไปจากปั้มน้ำมันดังกล่าว จนกระทั่งเวลาประมาณ 18.30 น.ของวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนที่นำกำลังไปซุ่มสังเกตการณ์อยู่ที่ลานจอดรถข้างอาคารเดอะเนชั่น ได้พบเห็นคนร้ายกำลังลงจากรถแท็กซี่ จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมตัวเอาไว้ได้ พร้อมด้วยกระเป๋าสะพายหนังสีดำ ที่คนร้ายสะพายอยู่ ตรวจค้นในกระเป๋าได้พบอาวุธปืนแบบแม็กกาซีนขนาด 11 ม.ม. ซึ่งเป็นปืน บีบีกัน จำนวน 1 กระบอกอยู่ในกระเป๋าใบดังกล่าว จึงคุมตัวกลับมาสอบสวนที่โรงพัก สภ.เมือง สมุทรปราการ และในระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังคุมตัวผู้ก่อเหตุขึ้นบนโรงพัก ได้ถูกญาติของผู้เสียหายที่มารออยู่เข้ารุมประชาทัณฑ์ เจ้าหน้าที่ต้องรีบคุมตัวขึ้นไปสอบสวนที่ชั้นสอง และห้ามญาติผู้เสียหายติดตามมา



จากการสอบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุชื่อนาย ฐากูล อินทร์รุ่ง อายุ 47 ปี เป็นพนักงานขับรถผู้บริหารของบริษัทแห่งหนึ่งที่อยู่ภายในอาคารเดอะชั่น โดยนายฐากูล ผู้ก่อเหตุได้ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้นำรถของผู้บริหารเข้าไปตรวจเช็คที่ศูนย์ บีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งตั้งอยู่ติดกับห้างดังกล่าว ระหว่างที่ช่างเช็ครถอยู่ ตนจึงมาเดินเล่นที่ห้างดังกล่าวเพื่อค่าเวลา ขณะที่เดินอยู่ในลานจอดรถชั้นที่ 1 ได้พบเห็นผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงสาวหน้าตาดี เปิดประตูรถทิ้งไว้และนั่งแต่งหน้าอยู่ในรถ ตนจึงเกิดอารมณ์ จึงได้ล้วงหยิบปืนบีบีกัน ที่อยู่ในกระเป๋าสะพายออกมาและตรงเข้าจี้บังคับให้หญิงสาวคนดังกล่าวขับรถพาออกจากห้างและมุ่งหน้าเข้าโรงแรมในย่านจังหวัดสมุทรปราการ แต่ยังไม่ทันทำอะไรหญิงคนดังกล่าวได้เปิดประตูกระโดดหนีออกจากรถไปขอความช่วยเหลือจากพนักงานโรงแรม ด้วยความตกใจตนจึงได้ขับรถของผู้เสียหายหลบหนีออกมาและนำไปจอดทิ้งในปั้มน้ำมันก่อนที่จะนั่งแท็กซี่กลับมาที่ทำงาน ก่อนที่จะถูกตำรวจตามมาจับดังกล่าว ตนยอมรับที่ทำไปเพราะเกิดอารมณ์ชั่ววูบจริง ๆ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้ง 3 ข้อกล่าวหาว่า กักขังหน่วยเหนี่ยว ข้อหา บังคับข่มขืนใจให้ผู้อื่นตกใจกลัว และ ข้อหาชิงทรัพย์ ก่อนควบคุมตัวผู้ก่อเหตุส่งพนักงานสอบสวน สน.บางนา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สมุทรปราการ สุทธิวิทย์ ชยุตม์วรกานต์
และข่าวจาก https://siamrath.co.th/n/94097