เคล็ดลับเด็กจบใหม่เลือกงานแรกอย่างไรให้รุ่งและเติบโต
     หลังจากที่น้องๆ เรียนจบสิ่งที่ทุกคนคาดหวังก็คือมีงานที่ดีทำเพื่อเลี้ยงตัวเอง หรือสร้างฐานะสร้างครอบครัวด้วยตัวเองได้ ซึ่งหลายคน ก็ยังกังวลใจว่าสำหรับการเริ่มงานครั้งแรก หลังจากจบ ชีวิตนักศึกษานั้น ควรจะเลือกยังไงดี สิ่งที่ชอบ หรือตำแหน่งานที่ดี หรือต้องตัดสินใจอย่างไร เพราะบางคนที่เลือกงานได้ถูกกับตัวเราก็จะก้าวหน้าในสายงานนั้นและเติบโตได้อย่างรวดเร็วผิดกับบางคนที่อาจเลือกสายงานที่ไม่ตรงกับตัวเองเลยทำให้ทำงานอย่างไม่มีความสุข ทำไปวันๆ เพื่อแลกกับเงินเดือน ทำให้ขาดความก้าวหน้าในชีวิตการทำงาน น้องๆคงไม่อยากให้ตัวเองต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนั้นแน่นอนใช่ไหมครับ พี่ masii มีเคล็ดลับดีๆที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับน้องๆ ในการเลือกงานแรก ให้เป็นบันไดส่งน้องก้าวไปสู่ความสำเร็จในอนาคตมาฝากกัน ส่วนจะมีอะไรบ้างเรามาดูกันเลยครับ

1.    รู้จักตัวเราและสร้างแรงบันดาลใจในการทำงาน
       สิ่งแรกที่เราควรทำคือสำรวจตัวเองว่าเรามีความชอบอะไร ถนัดอะไร หรือสามารถทำอะไรได้ดี บ้างลองเขียนออกมาเป็นข้อๆ แล้วดูว่าเราสามารถนำจุดเด่นข้อดีส่วนไหนของเราบ้างที่จะมาสร้างเป็นอาชีพหรือการทำงานของเราได้ อาจไม่จำเป็นต้องตรงกับคณะหรือวิชาที่เราได้เรียนจบมาซะทีเดียวหากว่าเราสามารถใช้ความรู้ความสามารถที่เราถนัดเรามีสร้างงาน ทำงานได้ก็เป็นเรื่องที่ดีเพราะจะทำให้เราทำงานได้อย่างมีความสุขและสนุกกับงานที่ได้ จะไม่ต้องมานั่งฝืนหรือทนทำไปวันๆเท่านั้น บางคนอาจเลือกงานเพราะเงินเดือนที่สูงหรือตำแหน่งงานดี แต่เป็นสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ เมื่อทำงาน ผลงานที่ออกมาก็จะขาดความตั้งใจหรือ ความมุ่งมั่นในการทำงาน อาจจะต้องเสียเวลาเป็นปี หรือหลายปี กว่าจะพบว่าตัวเองชอบหรือถนัดอะไร ดังนั้น หาตัวเองให้เจอ และสร้างแรงบันดาลใจในการตื่นไปทำงานของเราในทุกๆวัน ว่าเราทำเพื่ออะไร  หรือ ตั้งโจทย์ ของการทำงานในแต่ละวันเพื่อให้เรา กระตือรือล้นที่จะสร้างสรรค์งานให้ดียิ่งๆขึ้นไป และนี้คือข้อดีของการที่เราเลือกงานได้ถูกต้องกับความถนัดความชอบของตัวเอง เราจะมุ่งมั่นและตั้งใจทำมันด้วยใจ จะทำให้เราเติบโตก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว

2. หาประสบการณ์จากการฝึกงานก่อน
     ก่อนเริ่มงานหรือสมัครงานจริง น้องๆอาจลองหาประสบการณ์ในการทำงานสายอาชีพนั้นๆที่สนใจ จากการเข้าไปขอฝึกงานทดลองงาน หรือหางานพิเศษ ทำดูก่อน เพื่อให้ได้รู้และเห็นถึงขั้นตอนการทำงานจริงได้สัมผัสถึงปัญหาและตัวเนื้องาน จะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่างานที่เราเลือกนั้นถูกต้องกับสิ่งที่เราคิดหรือวางแผนไว้หรือไม่ ปัจจุบันในการเรียนมหาวิทยาลัยก็จะมีการส่งนักศึกษาออกไปเพื่อเข้าฝึกงานในสถานประกอบการจริง นั้นคือโอกาสทองของน้องๆ ที่จะได้ค้นหาตัวเองและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ดีๆ เพื่อมาใช้กับงานแรกที่น้องได้เลือก ดังนั้น ควรเลือกสถานที่ฝึกงานจากความชอบความถนัดที่เราคิดว่าจะเป็นอาชีพของเราในอนาคต นอกจากจะได้ลองปฏิบัติเรียนรู้งานจริงแล้ว ประสบการณ์และผลงานในช่วงฝึกงานนั้น จะเป็นเหมือน Certificate ที่การันตีในตัวน้องว่าจะสามารถทำงานในตำแหน่งที่สมัครได้จริงเพิ่มความน่าเชื่อถือ เพิ่มโอกาสในการได้งานที่ดี ที่เราถนัดหลังจากจบการศึกษาได้อีกด้วย

3. หาข้อมูลของงานที่เราสนใจ
เมื่อเรารู้ว่าเราจะสมัครงานในตำแหน่งไหน สายงานอะไรสิ่งที่ควรทำคือหาข้อมูลของสายงานนั้น ตำแหน่งนั้น ยิ่งถ้าเป็นในสถานที่ๆเราสมัครงานไปด้วยได้ยิ่งดีเพื่อให้เรารู้ถึงรายละเอียดในการทำงานรวมถึงคุณสมบัติ ที่ตำแหน่งงานนั้นต้องการ อาจจะลองถามจาก รุ่นพี่ หรือคนรู้จัก ที่ได้ทำงานในตำแหน่งนั้นมาก่อนหรือหาข้อมูลจากในอินเตอร์เน็ตซึ่งในสมัยนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว เพราะในตำแหน่งเดียวกัน แต่ต่างสถานที่ทำงานถึงโดยร่วมจะเป็นการทำงานที่คล้ายกันแต่รายละเอียดต่างๆขั้นตอนเครื่องมือที่ใช้ก็จะแตกต่างกันออกไปข้อมูลนี่จะทำให้เราเลือกงานได้เหมาะสมกับเรามากขึ้น

4. เลือกงานที่เรามีความถนัดที่สุด
เมื่อเราหาข้อมูลในงานที่เราสนใจแล้ว รู้แล้วว่าตัวเองชอบอะไร ถนัดอะไร ดังนั้นสิ่งที่เราควรทำก็คือ เลือกงานที่เราถนัดที่สุดทำมันได้ดีที่สุดบางคนเห็นแก่เงินเดือนที่สูงหรือข้อเสนอต่างที่ดูล่อตาล่อใจ จนเลือกงานยากเกินไปหรืออาจไม่ถนัดเท่าไรในสายงานนั้น อย่าลืมว่าเราเพิ่งจบใหม่ประสบการณ์ในการทำงานจริงเรามีน้อยมากและถ้าเราเองต้องมาเริ่มเรียนรู้กันใหม่ทั้งหมดก็ใช่ว่าวันนึงเราจะชอบมันหรือถนัด อาจกลายเป็นว่าสร้างความเบื่อหน่ายในการทำงาน เปลี่ยนงานบ่อยจนทำให้กลายเป็นคนที่ไม่เกิดความก้าวหน้าในอาชีพการงาน ดังนั้น เลือกงานที่เราถนัดที่สุด และทำมันได้ดีที่สุดเพราะเมื่อเราทำมันได้ดี และวันหนึ่งสิ่งนี้จะกลายเป็นฐานที่ทำให้เราต่อยอดพัฒนาตนเองขึ้นไปได้อีกเรื่อยๆ ทำให้เกิดความก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว

5. ศึกษาองค์กรที่เราจะสมัครงาน
องค์กรก็เป็นส่วนสำคัญที่เราควรพิจารณาก่อนสมัครงานถึงตำแหน่งานจะตรงกับความถนัดที่เรามี แต่หากว่าองค์กรนั้น มีกฏ หรือ วัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ถูกจริตหรือเข้ากับตัวเรา ก็คงจะเข้าตำราที่ว่า “ คับตัวอยู่ได้ คับใจอยู่ยาก ” บางคนเลือกองค์กรที่ใหญ่ไว้ก่อนแต่เมื่อได้เข้าไปทำงานจริงกลับรู้สึกอึดอัดกับวัฒนธรรมหรือความเป็นองค์กรนั้น บางคนเลือกเพราะได้เงินเดือนสูงจนลืมดูถึงความมั่นคงขององค์กร จนทำให้เกิดปัญหาตกงาน หรือโดนลอยแพก็มีมาแล้ว ฉะนั้น หาข้อมูลขององค์กรที่เราสนใจจะเข้าไปสมัครด้วยว่าเป็นอย่างไร มั่นคงแค่ไหน และสวัสดิการก็มีส่วนสำคัญที่จะเพิ่มคุณภาพชีวิตพนักงานให้กับคุณ ดังนั้นลองหาข้อมูลและเลือกให้ดี

6. วางเป้าหมายให้กับตัวเอง
นอกจากการไปทำงานในแต่ละวันแล้วเราควรมองหาเป้าหมายในชีวิตและวางเป้าหมายให้กับตัวเองลองจินตนาการดูว่าอีก5ปี หรือ 10 ปีข้างหน้าเราจะไปอยู่ตรงไหนหรือต้องทำอะไร จะมีอะไรบ้าง  จะต้องก้าวหน้าอยู่ในตำแหน่งไหน หรือถึงขั้นไหน สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่การเพ้อฝัน แต่เป็นการวางเป้าหมายเพื่อให้เรามีแรงใจในการที่จะอดทนสู้ทำงานเพื่อไปให้ถึงจุดที่เราวางไว้ คนที่รู้ว่าตัวเองจะต้องทำอะไรเพื่ออะไรอย่างมีจุดหมายจะช่วยให้เราโฟกัสกับสิ่งที่ทำและมีแนวทางมากกว่าคนที่ทำไปอย่างเลื่อนลอยครับ

    จากสิ่งต่างๆที่พี่ masii ได้แนะนำมาทั้งหมดนี้เชื่อได้ว่า น้องๆจะสามารถเลือกงานแรกให้กับตัวเองได้อย่างดี ได้งานที่ถูกใจและสร้างความก้าวหน้าให้กับน้องๆได้อย่างแน่นอนและพี่ masii อยากจะขอฝากแง่คิดดีๆให้สำหรับน้องๆที่เริ่มงานใหม่ว่า ไม่มีงานไหนที่ไร้ซึ่งปัญหา ไม่มีใครที่จะเติบโตและก้าวหน้าได้โดยไม่มีอุปสรรค ของให้น้องๆทุกคนอดทนและตั้งใจที่จะเรียนรู้กับงานที่เราทำปัญหาและอุปสรรคจะเป็นบทเรียนที่ทำให้เราเก่งขึ้นพัฒนาตนเองขึ้น และนอกจากที่จะต้องขยันและอดทนแล้ว วินัยในการทำงานก็เป็นสิ่งจำเป็น เมื่อเราอยู่ใต้ระเบียบขององค์กรเราเองก็ควรทำตาม เพื่อสร้างวินัยให้กับตัวเราและให้ผู้ใหญ่ในองค์กร์ได้เห็นเราว่าเป็นคนที่ดีทั้งการทำงานและวินัยอย่างนี้ ความก้าวหน้าก็จะวิ่งเข้ามาหาน้องๆอย่างแน่นอนครับ

ขอบคุณบทความจาก https://masii.co.th