[ใช้หนี้ กยศ. ] ราชกิจจาฯบังคับใช้แล้ว! พ.ร.บ.กองทุนกู้ยืมการศึกษา นายจ้างหักเงินเดือนคืนกองทุนได้
![[ใช้หนี้ กยศ. ] ราชกิจจาฯบังคับใช้แล้ว! พ.ร.บ.กองทุนกู้ยืมการศึกษา นายจ้างหักเงินเดือนคืนกองทุนได้](https://www.jobthaidd.com/datas/document/picture-4-30719.png)
นำเสนอข่าวโดย > ทีมงานจ๊อบไทยดีดี ดอทคอม
วันที่ 29 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2560 ได้มีผลบังคับใช้แล้ว เมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา สาระสำคัญระบุให้ยกเลิกพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2541 นอกจากนี้ ยังมีมาตรการเข้มงวดในการชำระคืนเงินกู้เพื่อการศึกษา หลังจากที่ผ่านมาประสบปัญหาผู้กู้ไม่ยอมใช้คืนคิดเป็นวงเงินมหาศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2560 ในหมวด 4 การให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา มาตรา 42 ผู้กู้ยืมเงินมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามสัญญากู้ยืมเงินโดยเคร่งครัดเพื่อประโยชน์ในการบริหารกองทุนและการติดตามการชำระเงินคืนกองทุน ผู้กู้ยืมเงินมีหน้าที่ ดังนี้ (1) ให้ความยินยอมในขณะทำสัญญากู้ยืมเงิน เพื่อให้ผู้มีหน้าที่จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร หักเงินได้พึงประเมินของตนตามจำนวนที่กองทุนแจ้งให้ทราบเพื่อชำระเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาคืนกองทุน (2) แจ้งสถานะการเป็นผู้กู้ยืมเงินต่อหัวหน้าหน่วยงานภาครัฐ หรือเอกชนที่ตนทำงานด้วยภายใน 30 วันนับแต่วันที่เริ่มปฏิบัติงาน และยินยอมให้หักเงินได้พึงประเมินของตนเพื่อดำเนินการตามมาตรา 51 (3) ยินยอมให้กองทุนเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของตนที่อยู่ในครอบครองของบุคคลอื่น รวมทั้งยินยอมให้กองทุนเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน และการชำระเงินคืนกองทุน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ ในหมวด 5 มาตรา 44 เมื่อผู้กู้ยืมเงินสำเร็จการศึกษาหรือเลิกการศึกษาแล้ว มีหน้าที่ต้องชำระเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ได้รับไปตามสัญญากู้ยืมเงินคืนให้กองทุน ตามจำนวน ระยะเวลา และวิธีการที่กองทุนแจ้งให้ทราบ ฯลฯ ผู้จัดการอาจผ่อนผันให้ผู้กู้ยืมเงินชำระเงินคืนกองทุนแตกต่างไปจากจำนวนระยะเวลา หรือวิธีการที่กำหนดไว้ตามวรรคหนึ่ง หรือลดหย่อนหนี้ หรือระงับการชำระเงินคืนกองทุนตามที่ผู้กู้ยืมเงินร้องขอเป็นรายบุคคล หรือเป็นการทั่วไปก็ได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา 19 (11) ในกรณีที่ผู้กู้ยืมเงินผู้ใดผิดนัดการชำระเงินคืนกองทุน และไม่ได้รับอนุญาตให้ผ่อนผันตามวรรคสาม คณะกรรมการจะกำหนดให้ผู้กู้ยืมเงินต้องเสียเงินเพิ่มอีกไม่เกินร้อยละ 1.5 ต่อเดือนก็ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ทั้งนี้ ในมาตรา 45 ระบุว่า เพื่อประโยชน์ในการบริหารกองทุนและการติดตามการชำระเงินคืนกองทุนให้กองทุนมีอำนาจดำเนินการ ดังนี้ (1) ขอข้อมูลส่วนบุคคลของผู้กู้ยืมเงินจากหน่วยงาน หรือองค์กรทั้งภาครัฐ และเอกชน หรือบุคคลใดซึ่งเป็นผู้ครอบครองข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว (2) เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน และการชำระเงินคืนกองทุนของผู้กู้ยืมเงินให้แก่หน่วยงาน หรือองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน หรือบุคคลใดตามที่ร้องขอ (3) ดำเนินการตามมาตรการต่างๆ ที่คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา 19 (14) การดำเนินการตาม (1) และ (2) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง มาตรา 46 เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการของกองทุนตามมาตรา 45 (1) ให้หน่วยงาน หรือองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน หรือบุคคลใดซึ่งเป็นผู้ครอบครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้กู้ยืมเงิน จัดส่งข้อมูล ให้กองทุนตามที่กองทุนร้องขอภายในเวลาอันสมควร นอกจากนี้ มาตรา 50 ระบุว่า หนี้ที่เกิดขึ้นตาม พ.ร.บ.นี้ ให้กองทุนมีบุริมสิทธิเหนือทรัพย์สินทั้งหมดของผู้กู้ยืมเงินในลำดับแรกถัดจากค่าเครื่องอุปโภคบริโภคอันจำเป็นประจำวันตามมาตรา 253 (4) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในมาตรา 51 ระบุด้วยว่า ให้บุคคล คณะบุคคล หรือนิติบุคคลทั้งภาครัฐและเอกชน ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักเงินได้พึงประเมินของผู้กู้ยืมเงินซึ่งเป็นพนักงาน หรือลูกจ้างของผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินดังกล่าว เพื่อชำระเงินกู้ยืมคืนตามจำนวนที่กองทุนแจ้งให้ทราบ โดยให้นำส่งกรมสรรพากรภายในกำหนดระยะเวลานำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนดการหักเงินตามวรรคหนึ่ง ต้องหักให้กองทุนเป็นลำดับแรกถัดจากการหักภาษี ณ ที่จ่าย และการหักเงินเข้ากองทุนที่ผู้กู้ยืมเงินต้องถูกหักตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน และกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม เมื่อกรมสรรพากรได้รับเงินจากผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้นำส่งกองทุนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
“ถ้าผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามวรรคหนึ่งไม่ได้หักเงินได้พึงประเมิน หัก และไม่ได้นำส่ง หรือนำส่งแต่ไม่ครบตามจำนวนที่กองทุนแจ้งให้ทราบ หรือหัก และนำส่งเกินกำหนดระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินรับผิดชดใช้เงินที่ต้องนำส่งในส่วนของผู้กู้ยืมเงินตามจำนวนที่กองทุนแจ้งให้ทราบ และต้องจ่ายเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือนของจำนวนเงินที่ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินยังไม่ได้นำส่ง หรือตามจำนวนที่ยังขาดไป แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ นับแต่วันถัดจากวันที่ครบกำหนดต้องนำส่งตามวรรคหนึ่ง ในกรณีที่ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินได้หักเงินได้พึงประเมินของผู้กู้ยืมเงินไว้แล้ว ให้ถือว่าผู้กู้ยืมเงินได้ชำระเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาตามจำนวนที่ได้หักไว้แล้ว”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับ พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2541 ฉบับเดิมได้กำหนดในหมวด 5 การนำส่งเงินกองทุน มาตรา 53 เมื่อผู้กู้สำเร็จการศึกษา หรือเข้าทำงาน ต้องแจ้งที่อยู่ หรือสถานที่ทำงาน พร้อมทั้งเงินเดือนและค่าจ้างที่ได้รับให้กับผู้บริหารและจัดการเงินให้กู้ยืมภายใน 30 วันนับจากวันที่เข้าทำงาน ให้เป็นหน้าที่ผู้บริหารและจัดการเงินกองทุนติดตาม และประสานกับผู้กู้ยืมเงินเพื่อการชำระเงินที่กู้คืน ในการนี้ จะขอความร่วมมือจากนายจ้างให้ช่วยหักเงินเดือนและค่าจ้างนำส่งผู้จัดการเงินให้กู้ยืมด้วยก็ได้ ซึ่งในส่วนนี้เป็นเพียงการขอความร่วมมือจากนายจ้างให้หักเงินเดือนผู้กู้ยืมเงินได้ แต่ตาม พ.ร.บ.ฉบับใหม่ กำหนดให้เป็นกฎหมายที่นายจ้างต้องหักเงินเดือนเพื่อชำระหนี้กองทุน กยศ. ด้านนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงประกาศราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา เรื่อง พ.ร.บ.กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2560 มีผลบังคับใช้ว่า ยังไม่ขอให้รายละเอียดในเรื่องดังกล่าวได้ เนื่องจากยังไม่ได้รับทราบรายละเอียดของเนื้อหา พ.ร.บ.ฉบับนี้ แต่จะพิจารณาเรื่องนี้ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ และพร้อมชี้แจงหลักการและเหตุผลในประเด็นต่างๆ ในวันที่ 30 มกราคม
ขอบคุณเนื้อข่าวจาก มติชนออนไลน์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2560 ในหมวด 4 การให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา มาตรา 42 ผู้กู้ยืมเงินมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามสัญญากู้ยืมเงินโดยเคร่งครัดเพื่อประโยชน์ในการบริหารกองทุนและการติดตามการชำระเงินคืนกองทุน ผู้กู้ยืมเงินมีหน้าที่ ดังนี้ (1) ให้ความยินยอมในขณะทำสัญญากู้ยืมเงิน เพื่อให้ผู้มีหน้าที่จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร หักเงินได้พึงประเมินของตนตามจำนวนที่กองทุนแจ้งให้ทราบเพื่อชำระเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาคืนกองทุน (2) แจ้งสถานะการเป็นผู้กู้ยืมเงินต่อหัวหน้าหน่วยงานภาครัฐ หรือเอกชนที่ตนทำงานด้วยภายใน 30 วันนับแต่วันที่เริ่มปฏิบัติงาน และยินยอมให้หักเงินได้พึงประเมินของตนเพื่อดำเนินการตามมาตรา 51 (3) ยินยอมให้กองทุนเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของตนที่อยู่ในครอบครองของบุคคลอื่น รวมทั้งยินยอมให้กองทุนเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน และการชำระเงินคืนกองทุน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ ในหมวด 5 มาตรา 44 เมื่อผู้กู้ยืมเงินสำเร็จการศึกษาหรือเลิกการศึกษาแล้ว มีหน้าที่ต้องชำระเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ได้รับไปตามสัญญากู้ยืมเงินคืนให้กองทุน ตามจำนวน ระยะเวลา และวิธีการที่กองทุนแจ้งให้ทราบ ฯลฯ ผู้จัดการอาจผ่อนผันให้ผู้กู้ยืมเงินชำระเงินคืนกองทุนแตกต่างไปจากจำนวนระยะเวลา หรือวิธีการที่กำหนดไว้ตามวรรคหนึ่ง หรือลดหย่อนหนี้ หรือระงับการชำระเงินคืนกองทุนตามที่ผู้กู้ยืมเงินร้องขอเป็นรายบุคคล หรือเป็นการทั่วไปก็ได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา 19 (11) ในกรณีที่ผู้กู้ยืมเงินผู้ใดผิดนัดการชำระเงินคืนกองทุน และไม่ได้รับอนุญาตให้ผ่อนผันตามวรรคสาม คณะกรรมการจะกำหนดให้ผู้กู้ยืมเงินต้องเสียเงินเพิ่มอีกไม่เกินร้อยละ 1.5 ต่อเดือนก็ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ทั้งนี้ ในมาตรา 45 ระบุว่า เพื่อประโยชน์ในการบริหารกองทุนและการติดตามการชำระเงินคืนกองทุนให้กองทุนมีอำนาจดำเนินการ ดังนี้ (1) ขอข้อมูลส่วนบุคคลของผู้กู้ยืมเงินจากหน่วยงาน หรือองค์กรทั้งภาครัฐ และเอกชน หรือบุคคลใดซึ่งเป็นผู้ครอบครองข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว (2) เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน และการชำระเงินคืนกองทุนของผู้กู้ยืมเงินให้แก่หน่วยงาน หรือองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน หรือบุคคลใดตามที่ร้องขอ (3) ดำเนินการตามมาตรการต่างๆ ที่คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา 19 (14) การดำเนินการตาม (1) และ (2) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง มาตรา 46 เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการของกองทุนตามมาตรา 45 (1) ให้หน่วยงาน หรือองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน หรือบุคคลใดซึ่งเป็นผู้ครอบครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้กู้ยืมเงิน จัดส่งข้อมูล ให้กองทุนตามที่กองทุนร้องขอภายในเวลาอันสมควร นอกจากนี้ มาตรา 50 ระบุว่า หนี้ที่เกิดขึ้นตาม พ.ร.บ.นี้ ให้กองทุนมีบุริมสิทธิเหนือทรัพย์สินทั้งหมดของผู้กู้ยืมเงินในลำดับแรกถัดจากค่าเครื่องอุปโภคบริโภคอันจำเป็นประจำวันตามมาตรา 253 (4) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในมาตรา 51 ระบุด้วยว่า ให้บุคคล คณะบุคคล หรือนิติบุคคลทั้งภาครัฐและเอกชน ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักเงินได้พึงประเมินของผู้กู้ยืมเงินซึ่งเป็นพนักงาน หรือลูกจ้างของผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินดังกล่าว เพื่อชำระเงินกู้ยืมคืนตามจำนวนที่กองทุนแจ้งให้ทราบ โดยให้นำส่งกรมสรรพากรภายในกำหนดระยะเวลานำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนดการหักเงินตามวรรคหนึ่ง ต้องหักให้กองทุนเป็นลำดับแรกถัดจากการหักภาษี ณ ที่จ่าย และการหักเงินเข้ากองทุนที่ผู้กู้ยืมเงินต้องถูกหักตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน และกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม เมื่อกรมสรรพากรได้รับเงินจากผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้นำส่งกองทุนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
“ถ้าผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามวรรคหนึ่งไม่ได้หักเงินได้พึงประเมิน หัก และไม่ได้นำส่ง หรือนำส่งแต่ไม่ครบตามจำนวนที่กองทุนแจ้งให้ทราบ หรือหัก และนำส่งเกินกำหนดระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินรับผิดชดใช้เงินที่ต้องนำส่งในส่วนของผู้กู้ยืมเงินตามจำนวนที่กองทุนแจ้งให้ทราบ และต้องจ่ายเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือนของจำนวนเงินที่ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินยังไม่ได้นำส่ง หรือตามจำนวนที่ยังขาดไป แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ นับแต่วันถัดจากวันที่ครบกำหนดต้องนำส่งตามวรรคหนึ่ง ในกรณีที่ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินได้หักเงินได้พึงประเมินของผู้กู้ยืมเงินไว้แล้ว ให้ถือว่าผู้กู้ยืมเงินได้ชำระเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาตามจำนวนที่ได้หักไว้แล้ว”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับ พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2541 ฉบับเดิมได้กำหนดในหมวด 5 การนำส่งเงินกองทุน มาตรา 53 เมื่อผู้กู้สำเร็จการศึกษา หรือเข้าทำงาน ต้องแจ้งที่อยู่ หรือสถานที่ทำงาน พร้อมทั้งเงินเดือนและค่าจ้างที่ได้รับให้กับผู้บริหารและจัดการเงินให้กู้ยืมภายใน 30 วันนับจากวันที่เข้าทำงาน ให้เป็นหน้าที่ผู้บริหารและจัดการเงินกองทุนติดตาม และประสานกับผู้กู้ยืมเงินเพื่อการชำระเงินที่กู้คืน ในการนี้ จะขอความร่วมมือจากนายจ้างให้ช่วยหักเงินเดือนและค่าจ้างนำส่งผู้จัดการเงินให้กู้ยืมด้วยก็ได้ ซึ่งในส่วนนี้เป็นเพียงการขอความร่วมมือจากนายจ้างให้หักเงินเดือนผู้กู้ยืมเงินได้ แต่ตาม พ.ร.บ.ฉบับใหม่ กำหนดให้เป็นกฎหมายที่นายจ้างต้องหักเงินเดือนเพื่อชำระหนี้กองทุน กยศ. ด้านนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงประกาศราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา เรื่อง พ.ร.บ.กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2560 มีผลบังคับใช้ว่า ยังไม่ขอให้รายละเอียดในเรื่องดังกล่าวได้ เนื่องจากยังไม่ได้รับทราบรายละเอียดของเนื้อหา พ.ร.บ.ฉบับนี้ แต่จะพิจารณาเรื่องนี้ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ และพร้อมชี้แจงหลักการและเหตุผลในประเด็นต่างๆ ในวันที่ 30 มกราคม
ขอบคุณเนื้อข่าวจาก มติชนออนไลน์
- ห้ามมิให้ผู้ใดโพดขายสินค้าเด็ดขาด
- ข้อความโพสโดยสาธารณชน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
แสดงความคิดเห็น :
- กรุณาใช้คำพูดที่สุภาพและไม่ทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสีย- ห้ามมิให้ผู้ใดโพดขายสินค้าเด็ดขาด
- ข้อความโพสโดยสาธารณชน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ติดตามข่าวบน Facebook กด Like เพื่อไม่พลาดข่าว !!!
ศูนย์ข่าวสารงานราชการ ข่าวเปิดสอบราชการ ตำแหน่งงานว่างอัพเดทให้ทุกวัน ติดตามที่นี่ www.jobthaidd.com
ข่าวที่น่าสนใจตอนนี้
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย รับสมัครสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นบุคลากรของมหาวิทยาลัย 177 อัตรา

กรมคุมประพฤติ เปิดรับสมัครสอบเป็นพนักงานราชการ 54 อัตรา

กรมสรรพากร รับสมัครบุคคลเพื่อฯ จำนวน 126 อัตรา เงินเดือน 15,000.-บาท ตั้งแต่วันที่ 7-14 ธันวาคม 2566

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดรับสมัครสอบเพื่อบรรจุฯ(นสต.) 5,000 อัตรา

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดรับสมัครเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย 38 อัตรา

กรมทางหลวงชนบท เปิดรับสมัครสอบบรรจุเข้ารับราชการ 62 อัตรา

กรมราชทัณฑ์ เปิดรับสมัครสอบบรรจุเข้ารับราชการ 348 อัตรา

สำนักงานอัยการสูงสุด รับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ 63 อัตรา

สพฐ.เปิดสอบแข่งขันฯ มาตรา 38 ค(2) ทั่วประเทศ 319 อัตรา (

กรมการปกครอง เปิดรับสมัครสอบบรรจุเข้ารับราชการ 100 อัตรา

สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดรับสมัครสอบบรรจุเข้ารับราชการ 655 อัตรา

ประกาศผลสอบ ก.พ.(ภาค ก) 2566 ตรวจสอบผลคะแนน

เปิดรับสมัครสอบเข้ารับราชการ จำนวน 7,000 อัตรา

แจกแนวข้อสอบ ก.พ. กว่า 3,500 ข้อ(พร้อมเฉลย) และ10 วีดีโอบรรยายข้อสอบ

กสถ.เตรียมเปิดรับสมัครสอบท้องถิ่น 2566 จำนวน 65 ตำแหน่ง 4,010 อัตรา แล้ว!!


กรมคุมประพฤติ เปิดรับสมัครสอบเป็นพนักงานราชการ 54 อัตรา

กรมสรรพากร รับสมัครบุคคลเพื่อฯ จำนวน 126 อัตรา เงินเดือน 15,000.-บาท ตั้งแต่วันที่ 7-14 ธันวาคม 2566

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดรับสมัครสอบเพื่อบรรจุฯ(นสต.) 5,000 อัตรา

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดรับสมัครเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย 38 อัตรา

กรมทางหลวงชนบท เปิดรับสมัครสอบบรรจุเข้ารับราชการ 62 อัตรา

กรมราชทัณฑ์ เปิดรับสมัครสอบบรรจุเข้ารับราชการ 348 อัตรา

สำนักงานอัยการสูงสุด รับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ 63 อัตรา

สพฐ.เปิดสอบแข่งขันฯ มาตรา 38 ค(2) ทั่วประเทศ 319 อัตรา (

กรมการปกครอง เปิดรับสมัครสอบบรรจุเข้ารับราชการ 100 อัตรา

สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดรับสมัครสอบบรรจุเข้ารับราชการ 655 อัตรา

ประกาศผลสอบ ก.พ.(ภาค ก) 2566 ตรวจสอบผลคะแนน

เปิดรับสมัครสอบเข้ารับราชการ จำนวน 7,000 อัตรา

แจกแนวข้อสอบ ก.พ. กว่า 3,500 ข้อ(พร้อมเฉลย) และ10 วีดีโอบรรยายข้อสอบ

กสถ.เตรียมเปิดรับสมัครสอบท้องถิ่น 2566 จำนวน 65 ตำแหน่ง 4,010 อัตรา แล้ว!!
