ธอส.ลดดอกเบี้ย-ภาระหนี้ที่อยู่อาศัยช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม

นำเสนอข่าวโดย > ทีมงานจ๊อบไทยดีดี ดอทคอม
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ประกาศ 2 มาตรการลดอัตราดอกเบี้ยและภาระหนี้ที่อยู่อาศัยเพื่อช่วยเหลือลูกค้าประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ทั้งลดดอกเบี้ย ลดเงินงวดที่ผ่อนชำระ รวมทั้งให้กู้ใหม่เพื่อซ่อมแซมที่พักอาศัยอัตราดอกเบี้ยต่ำมากๆ

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมขังในหลายจังหวัดของพื้นที่ภาคใต้ และส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนทั้งในด้านที่อยู่อาศัย และการประกอบอาชีพ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ สังกัดกระทรวงการคลัง ซึ่งมีพันธกิจ : ทำให้คนไทยมีบ้าน พร้อมที่จะเป็นกลไกหลักในการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนด้านที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้าประชาชนที่ประสบอุทกภัย โดยเตรียมวงเงิน 500 ล้านบาท จัดทำ “โครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ปี 2560”ซึ่งมีรายละเอียดประกอบด้วย
มาตรการที่ 1 สำหรับลูกค้าเดิมของ ธอส. กรณีหลักประกัน(ที่อยู่อาศัยที่จดจำนองกับธนาคาร)ได้รับผลกระทบ ธนาคารจะลดภาระดอกเบี้ยและเงินงวดผ่อนชำระ โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 3 เดือนแรก เดือนที่ 4-12 อัตราดอกเบี้ย MRR-2.50% ต่อปี ปีที่ 2 อัตราดอกเบี้ย MRR-2.00% ต่อปี ปีที่ 3 อัตราดอกเบี้ย MRR-1.00% ต่อปี และปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญาเงินกู้กรณีลูกค้าสวัสดิการ ดอกเบี้ยเท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี กรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไป ดอกเบี้ยเท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ธอส. อยู่ที่ 6.75% ต่อปี)
มาตรการที่ 2 สำหรับลูกค้าใหม่ หรือลูกค้าเดิมของ ธอส. ที่อาคารหรือบ้านได้รับความเสียหายสามารถขอกู้เพิ่ม หรือ กู้ใหม่ เพื่อปลูกสร้างทดแทนหลังเดิม หรือกู้ซ่อมแซมอาคารที่ได้รับความเสียหาย คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้คงที่ 3.00% ต่อปี นาน 3 ปี หลังจากนั้น กรณีลูกค้าสวัสดิการ คิดอัตราดอกเบี้ย MRR-1.00% ต่อปี ส่วนลูกค้ารายย่อย คิดอัตราดอกเบี้ย MRR-0.50% ต่อปี
สำหรับวงเงินให้กู้ต่อรายธนาคารกำหนดไว้ไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อ 1 หลักประกัน โดยคุณสมบัติของผู้ที่สามารถเข้าร่วม“โครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ปี 2560”จะต้องเป็นลูกหนี้เดิมของ ธอส. หรือลูกค้าใหม่ ซึ่งที่อยู่อาศัยเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองหรือคู่สมรส และได้รับความเสียหายจากการประสบอุทกภัย ทั้งนี้ ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบสามารถติดต่อได้ที่สาขาของธนาคารอาคารสงเคราะห์ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2560 เป็นต้นไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 0-2645-9000 หรือ www.ghbank.co.th และ Facebook fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์
เนื้อหาข่าวจาก โพสทูเดย์ 07 มกราคม 2560 เวลา 15:13 น

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมขังในหลายจังหวัดของพื้นที่ภาคใต้ และส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนทั้งในด้านที่อยู่อาศัย และการประกอบอาชีพ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ สังกัดกระทรวงการคลัง ซึ่งมีพันธกิจ : ทำให้คนไทยมีบ้าน พร้อมที่จะเป็นกลไกหลักในการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนด้านที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้าประชาชนที่ประสบอุทกภัย โดยเตรียมวงเงิน 500 ล้านบาท จัดทำ “โครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ปี 2560”ซึ่งมีรายละเอียดประกอบด้วย
มาตรการที่ 1 สำหรับลูกค้าเดิมของ ธอส. กรณีหลักประกัน(ที่อยู่อาศัยที่จดจำนองกับธนาคาร)ได้รับผลกระทบ ธนาคารจะลดภาระดอกเบี้ยและเงินงวดผ่อนชำระ โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 3 เดือนแรก เดือนที่ 4-12 อัตราดอกเบี้ย MRR-2.50% ต่อปี ปีที่ 2 อัตราดอกเบี้ย MRR-2.00% ต่อปี ปีที่ 3 อัตราดอกเบี้ย MRR-1.00% ต่อปี และปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญาเงินกู้กรณีลูกค้าสวัสดิการ ดอกเบี้ยเท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี กรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไป ดอกเบี้ยเท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ธอส. อยู่ที่ 6.75% ต่อปี)
มาตรการที่ 2 สำหรับลูกค้าใหม่ หรือลูกค้าเดิมของ ธอส. ที่อาคารหรือบ้านได้รับความเสียหายสามารถขอกู้เพิ่ม หรือ กู้ใหม่ เพื่อปลูกสร้างทดแทนหลังเดิม หรือกู้ซ่อมแซมอาคารที่ได้รับความเสียหาย คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้คงที่ 3.00% ต่อปี นาน 3 ปี หลังจากนั้น กรณีลูกค้าสวัสดิการ คิดอัตราดอกเบี้ย MRR-1.00% ต่อปี ส่วนลูกค้ารายย่อย คิดอัตราดอกเบี้ย MRR-0.50% ต่อปี
สำหรับวงเงินให้กู้ต่อรายธนาคารกำหนดไว้ไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อ 1 หลักประกัน โดยคุณสมบัติของผู้ที่สามารถเข้าร่วม“โครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ปี 2560”จะต้องเป็นลูกหนี้เดิมของ ธอส. หรือลูกค้าใหม่ ซึ่งที่อยู่อาศัยเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองหรือคู่สมรส และได้รับความเสียหายจากการประสบอุทกภัย ทั้งนี้ ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบสามารถติดต่อได้ที่สาขาของธนาคารอาคารสงเคราะห์ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2560 เป็นต้นไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 0-2645-9000 หรือ www.ghbank.co.th และ Facebook fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์
เนื้อหาข่าวจาก โพสทูเดย์ 07 มกราคม 2560 เวลา 15:13 น
- ห้ามมิให้ผู้ใดโพดขายสินค้าเด็ดขาด
- ข้อความโพสโดยสาธารณชน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
แสดงความคิดเห็น :
- กรุณาใช้คำพูดที่สุภาพและไม่ทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสีย- ห้ามมิให้ผู้ใดโพดขายสินค้าเด็ดขาด
- ข้อความโพสโดยสาธารณชน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ติดตามข่าวบน Facebook กด Like เพื่อไม่พลาดข่าว !!!
ศูนย์ข่าวสารงานราชการ ข่าวเปิดสอบราชการ ตำแหน่งงานว่างอัพเดทให้ทุกวัน ติดตามที่นี่ www.jobthaidd.com
ข่าวที่น่าสนใจตอนนี้
กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเลือกสรรเป็นพนักงานราชการทั่วไป 116 อัตรา

สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข รับสมัครบุคคลเพื่อเลือกสรรเป็นพนักงานราชการ 350 อัตรา

กรมทางหลวง เปิดรับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ 42 อัตรา

ด่วน!! เปิดรับสมัครสอบราชการ 9,980 อัตรา ประจำเดือน มีนาคม 2568 เช็กตำแหน่งว่างได้ที่นี่

วิธีตรวจสอบคุณวุฒิตามที่ ก.พ. รับรอง

กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เปิดรับสมัครสอบเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่น ประจำปี 2568

((เว็บไซต์สมัครสอบท้องถิ่น68))

ตำแหน่งว่างว่าง เปิดรับสมัครสอบราชการ วุฒิ ปวช./ปวส./ปริญญาตรี ทุกสาขา

สํานักงาน ก.พ. รับสมัครสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไป ประจําปี 2568 จำนวน 450,000 ที่นั่ง

กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเลือกสรรเป็นพนักงานราชการทั่วไป 116 อัตรา

สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข รับสมัครบุคคลเพื่อเลือกสรรเป็นพนักงานราชการ 350 อัตรา

กรมทางหลวง เปิดรับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ 42 อัตรา

ด่วน!! เปิดรับสมัครสอบราชการ 9,980 อัตรา ประจำเดือน มีนาคม 2568 เช็กตำแหน่งว่างได้ที่นี่

วิธีตรวจสอบคุณวุฒิตามที่ ก.พ. รับรอง

กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เปิดรับสมัครสอบเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่น ประจำปี 2568

((เว็บไซต์สมัครสอบท้องถิ่น68))

ตำแหน่งว่างว่าง เปิดรับสมัครสอบราชการ วุฒิ ปวช./ปวส./ปริญญาตรี ทุกสาขา

สํานักงาน ก.พ. รับสมัครสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไป ประจําปี 2568 จำนวน 450,000 ที่นั่ง
