งานราชการล่าสุด

สนช.ผ่านวาระแรก แก้กม.ติดดาบกยศ. ล้วงตับทวงหนี้นศ. ห่วงประจานผู้กู้เงิน

10 ก.ย. 2559 เวลา 16:15 น. 9,095 ครั้ง

สนช.ผ่านวาระแรก แก้กม.ติดดาบกยศ. ล้วงตับทวงหนี้นศ. ห่วงประจานผู้กู้เงิน



นำเสนอข่าวโดย > ทีมงานจ๊อบไทยดีดี ดอทคอม
สนช.ผ่านวาระแรก
แก้กม.ติดดาบกยศ.
ล้วงตับทวงหนี้นศ.
ห่วงประจานผู้กู้เงิน


ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)เมื่อวันที่ 9 กันยายน ได้ลงมติรับหลักการวาระที่ 1 ด้วยเสียงท่วมท้นต่อร่างพ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.)พ.ศ.... ตามที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอการประชุมสนช.ครั้งนี้ มีนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.คนที่2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยมีนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลังเป็นผู้ชี้แจงร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวว่า เป็นการปรับปรุง แก้ไขจากพ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาปี 2541 โดยเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาและสำนักงานขึ้น

พร้อมกับจัดตั้งคณะอนุกรรมการกำกับการชำระเงินคืนกองทุน เพื่อทำหน้าที่ติดตาม ตรวจสอบและกำกับดูแลให้การชำระเงินคืนกองทุนเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขของคณะกรรมการ โดยให้อธิบดีกรมบัญชีกลาง ทำหน้าที่เป็นประธานอนุกรรมการ

ทั้งนี้วัตถุประสงค์ของการให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาแก่นักเรียน นักศึกษากรณีที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เป็นสาขาวิชาที่เป็นความต้องการหลักเพื่อตอบสนองการผลิตกำลังคน สาขาวิชาขาดแคลนกำลังคน หรือ กองทุนส่งเสริมเป็นพิเศษ หรือเป็นเด็กเรียนดี เรียนเลิศ ซึ่งการแก้ไขกฎหมายครั้งนี้เป็นไปเพื่อให้มีประสิทธิภาพการคืนเงินแก่กองทุนมากยิ่งขึ้น และทำให้เงินงบประมาณหมุนเวียนเพื่อการศึกษาส่งผลถึงกับผู้กู้ยืมรุ่นหลังได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในหมวดเฉพาะ หรือหมวด 5 ของร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวมีสาระสำคัญคือ ให้เริ่มคิดดอกเบี้ยจากผู้กู้ยืมนับแต่สำเร็จการศึกษาหรือเลิกการศึกษาแล้ว และเพื่อประโยชน์ในการติดตามชำระเงินคืนของคณะกรรมการ ให้สามารถขอข้อมูลส่วนบุคคลของผู้กู้ยืมเงินจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน หรือบุคคลที่มีข้อมูลเกี่ยวกับผู้กู้ พร้อมกับสามารถเปิดเผยข้อมูลการกู้ยืม หรือการชำระเงินของผู้กู้ ให้แก่หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน หรือบุคคลตามที่ร้องขอได้

ทั้งนี้ สนช.ส่วนใหญ่อภิปรายสนับสนุน พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงการเคารพข้อมูลสิทธิส่วนบุคคล รวมถึงมาตรการติดตามชำระเงินคืน ควรแบ่งประเภทมาตรการโดยยึดวัตถุประสงค์ของกยศ.ที่มุ่งหวังแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม และสร้างโอกาสทางการศึกษาแก่ประชาชนตามนโยบายของรัฐบาลด้วย

โดยเฉพาะนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกสนช. อภิปรายแสดงความเป็นห่วงว่า การให้คณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาเปิดเผยข้อมูลของผู้กู้แก่บุคคลอื่นนั้น มองว่าเป็นปัญหายิ่งกว่าระบบพร้อมเพย์ จึงควรมีการจำกัดกรอบการเข้าถึงข้อมูลหรือไม่เพื่อรักษาสิทธิความเป็นมนุษย์

เช่นเดียวกับ พลเรือเอก วัลลภ เกิดผล สมาชิกสนช. ที่เห็นว่า ควรพิจารณาให้มีความถี่ถ้วน โดยเฉพาะการเข้าถึงข้อมูลเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ รวมถึงกรณีผู้กู้ยืมต้องแจ้งนายจ้างรับทราบว่าเป็นผู้กู้ยืม กยศ.หลังจากรับเข้าทำงานแล้ว 1 เดือน เพื่อให้นายจ้างจะรับทราบว่าผู้เข้าทำงานมีหนี้สินอยู่กับภาครัฐ และการมีบทลงโทษนายจ้างที่ไม่ส่งเงินจากการหักเงินเดือนลูกจ้าง ให้นายจ้างรับผิดแทนนั้น มองว่าควรมีการศึกษาข้อดีข้อเสียถึงการแจ้งต่อนายจ้างก่อนหรือหลัง เพราะหากกำหนดแจ้งนายจ้างทราบภายหลังอาจเกิดการปัดความรับผิดชอบ แต่หากสามารถแจ้งนายจ้างรับทราบก่อนให้ผู้กู้เข้าทำงานน่าจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับนายจ้างมากกว่า

ด้าน นายตวง อันทะไชย สมาชิกสนช. มองว่า การดำเนินงานของคณะกรรมการกองทุนฯที่ผ่านมา กลับทำตัวเองเป็นเจ้าหนี้ หรือจ้างบริษัทเอกชนโดยใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาท เพื่อทวงถามหนี้ โดยลืมวัตถุประสงค์ของกองทุนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าอนาคตจะต้องไม่เป็นซ้ำเดิมอีก อีกทั้งเห็นว่าผู้กู้บางรายแม้จะจบการศึกษามาแต่ก็ยังมีบางส่วนที่ไม่มีงานทำ จะเอาเงินที่ไหนคืน ซึ่งต้องแยกมาตรการในการผ่อนปรนเป็นสองส่วน ซึ่งนอกจากสร้างโอกาสแล้ว ควรมีการสร้างงานให้ด้วยหรือไม่ ถ้าสร้างโอกาส สร้างงานแล้ว ยังทำไม่ได้ ค่อยมีมาตรการขั้นต่อไป

 

ทั้งนี้ ภายหลังการอภิปรายของสมาชิก รมช.คลัง ชี้แจงยืนยันว่า การเข้าถึงข้อมูลผู้กู้นั้น เพื่อประโยชน์ติดตามทวงถามหนี้ในการหักเงินเท่านั้น คงไม่ก้าวล่วงเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล อีกทั้งจะต้องเป็นเข้าถึงโดยยินยอมของผู้กู้ด้วย

ข่าวจาก @ http://www.naewna.com/local/234622

แชร์ข่าวนี้ ให้เพื่อนคุณ และติดตามเราได้ที่ Fanpage.


แสดงความคิดเห็น :

- กรุณาใช้คำพูดที่สุภาพและไม่ทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสีย
- ห้ามมิให้ผู้ใดโพดขายสินค้าเด็ดขาด
- ข้อความโพสโดยสาธารณชน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ติดตามข่าวบน Facebook กด Like เพื่อไม่พลาดข่าว !!!
^