สวัสดีคะ วันนี้ทาง Jobthaidd.com ขอนำเสนอเรื่องดีดี จาก " บทความยอดฮิต โดย ดร.ลูกโป่ง ตีสิบ "
เมื่อวานให้คำปรึกษาพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเล่าว่าเครียดมาก เดือนเดือนนึงไม่รู้เงินหายไปไหนหมด เล่าไปโวยวายไป โทษรัฐบาล โทษสังคม โทษสารพัด โทษข้าวของแพง เลยให้พี่เค้าระบายมาให้หมดแม็ก พอสรุปใจความสำคัญได้ดังนี้ พี่เค้าเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว มีลูกสามคนวัยกำลังเรียนทั้งสิ้น ตัวเองประกอบธุรกิจส่วนตัวเปิดร้านขายเสื้อผ้าและรับตัดเสื้อผ้า พี่เขาบอกว่าจริงๆเค้ามีงานเยอะมาก ดูเหมือนจะมีรายได้เยอะแต่เค้าเองก็ไม่รู้และไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเงินเค้าหายไปไหนหมด บางวันไม่มีเงินติดบ้านเลยซักบาท เครียดประสาทจะกินตาย ลูกโป่งจึงให้คำแนะนำพี่เค้าตามบทสนทนานี้นะคะ
 

ลูกโป่ง: ถ้าพี่อยากรู้ว่าเงินหายไปไหนหมดทุกเดือนทุกเดือน พี่ลองจดรายการจ่ายดูสิคะ ทุกครั้งที่จ่ายเงินออกไป จดเลยจ่ายออกเท่าไหร่จดเท่านั้นค่ะ

พี่ช่าง : โอ้ยไม่เอาหรอกใครจะไปจำได้ บางทีตอนจ่ายออกไปมาจดตอนเย็นก็ลืมแล้ว

ลูกโป่ง : พี่คะเอาง่ายง่ายนะคะ ทุกครั้งที่เงินออกจากกระเป๋าปุ๊บ เจอเศษกระดาษปากกาหรืออะไร พี่จดทันทีเลยค่ะ แล้วรวบรวมตอนเย็นค่อยมาจดลงสมุดค่ะ

พี่ช่าง : โอ้ยไม่เอาหรอก เคยจดแล้ว พอลองจดก็ท้อแท้ไม่มีกำลังใจหรอก จดปุ๊บก็ติดลบปั๊บ รายจ่ายมากกว่ารายได้อีก ไม่เอาไม่เอาไม่เอาหรอก

ลูกโป่ง : ก็นั่นแหละค่ะ ยิ่งต้องจดใหญ่เลย ลองจดตาม 3 ขั้นตอนนี้นะคะ

1.จดทุกครั้งที่มีเงินออกจากกระเป๋า ทุกบาททุกสตางค์ที่เราจ่ายออกไปในทุกๆวัน ที่ให้จดเพื่อที่จะบอกว่า พอเวลาหนึ่งเดือนที่เราจดทุกวัน เรามานั่งไล่ดู จะเห็นว่ารายจ่ายที่ติดลบเนี่ย มันมีรายจ่ายตัวไหนบ้างที่มันไม่จำเป็น ไม่กิน ไม่ซื้อ ไม่จ่าย เราก็ไม่ตาย อย่างเนี่ยเรียกรายจ่ายแฝง เราจะได้สามารถพิจารณาตัดออกได้ คือเราก็ อย่าพึ่งไปกิน อย่าพึ่งไปใช้ อย่าพึ่งไปจ่ายมัน มันก็เป็นการลดรายจ่ายลง หลังจากนั้นเราก็สามารถแยกหมวดหมู่ของรายจ่ายได้ อันไหนเป็นรายจ่ายประจำที่เราต้องจ่ายทุกเดือน อันไหนเป็นรายจ่ายค่าวัตถุดิบ ต้นทุนที่จะนำมาผลิตมาตัดเสื้อผ้า อันไหนเป็นรายจ่ายค่าใช้สอย ค่ากิน ค่าดำรงชีวิตอยู่ในชีวิตประจำวัน อันไหนเป็นหนี้ในระบบ อันไหนเป็นหนี้นอกระบบ แยกให้ชัดเพื่อวางแผนจัดการกับการจ่ายเงิน

2.เมื่อเราแยกหมวดหมู่ค่าใช้จ่ายได้แล้ว เราสามารถนำค่าใช้จ่ายเหล่านั้นมาพิจารณาทีละรายการ ว่ารายจ่ายไหนเราสามารถปรับลดลงจากเดิมได้บ้าง รายจ่ายไหนเกินความจำเป็นเช่น โปรค่าโทรศัพท์เรา ถ้าใช้ต่อเดือนแพงมาก ทั้งทั้งที่ไม่ได้จำเป็นต้องใช้ขนาดนั้น เราก็ลองปรับลดโปรค่าโทรศัพท์ลงจะได้จ่ายน้อยลง เพราะเดี๋ยวนี้เราสามารถโทรทาง LINE ได้ โทรทางอื่นที่ไม่เสียเงินเลยได้ด้วย ลองสนุกกับการคำนวนลดค่าใช้จ่าย คิดว่ารายจ่ายไหนตัดลงได้ รายจ่ายไหนไม่จำเป็นต้องใช้เลย เช่น ถ้าเราต้องกินน้ำหวานน้ำอัดลมทุกวัน เราก็ลองตั้งเป้าเดือนนี้ไม่กินน้ำอัดลมเลย ดีต่อสุขภาพด้วย ประหยัดเงินลงไปได้ด้วย ถ้าเราต้องกินกาแฟแก้วละแพงแพง หรือวัน 3-4 แก้ว เราลองลดลงดูบ้างไหม ปรับเป็นกาแฟธรรมดากินได้ไหม ถ้าไม่ได้กาแฟแพงแพงวันละสามสี่แก้วเกินความจำเป็นไปหรือเปล่า สองแก้วพอไหม หรือหนึ่งแก้วดี แบบนี้เป็นต้น

3.งดการจ่ายเงินหรือห้ามใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเป็นอันขาด ถ้าเราไม่มีเงินสดอยู่ในมือพอกับค่าใช้จ่ายที่จะต้องจ่าย พูดง่ายง่ายว่า อย่ารูดบัตรเครดิตถ้าไม่มีเงินจะจ่ายและอย่าจ่ายบัตรเคดิตแค่ 10% เพราะจะทำให้เรามีหนี้ท่วมตัว มีหนี้ที่ไม่มีวันลดมีแต่ท่วมต้นสุดท้ายแทบฆ่าตัวตาย ที่สำคัญการรูดบัตรเครดิตไปเราอาจจะลืมจดรายการใช้จ่าย เพราะนึกว่าเงินไม่ได้ออกจากตัวไม่ได้ออกจากกระเป๋าทำให้เราขาดการจด จดได้ไม่ครบถ้วนทุกรายการ ดังนั้นในช่วงนี้ให้พยายายามบริหารจัดการทุกอย่างเป็นเงินสดใช้จ่ายเงินให้น้อยกว่าที่มีเงินเข้าและเงินที่มีอยู่ในมือค่ะ แต่ถ้าห้ามใจไม่ได้จริงๆอยากจะรูดบัตรเครดิต เน้นย้ำต้องมีเงินพอที่จะจ่ายเต็มจำนวนนะคะ เมื่อรูดบัตรเครดิตแล้วต้องจดทันทีเช่นกันค่ะ เหมือนเป็นเงินออกจากกระเป๋าเราไป
ถ้าพี่ทำได้แค่นี้ เพียงแค่จดทุกอย่าง พี่จะรู้แล้วว่าเงินในแต่ละเดือนของพี่หายไปไหนหมด เผลอเผลอพี่จะรู้ด้วยว่าเงินในแต่ละเดือนของพี่เหลือเยอะกว่าที่พี่คิด พี่จะรู้การใช้จ่ายเงินของตัวเองทั้งหมดค่ะ วันนี้ให้ทำแค่นี้ก่อนนะคะ ถ้าทำได้หลังจากนี้หนึ่งเดือนเรามาดูกันค่ะ ว่าผลลัพธ์ที่ได้เป็นอย่างไร แล้วลูกโป่งจะบอก ขั้นตอนต่อไปว่าจะต้องทำอย่างไรต่อนะคะ
กัลยาณมิตรที่ผ่านมาได้อ่านบทความนี้ ลองทำได้นะคะ หลักการง่ายๆ ถ้าทำได้ช่วยให้สบายไปตลอดชีวิตค่ะ

ดร.ลูกโป่ง ตีสิบ
15/06/2559
‪#‎ธนาคารแห่งความลับ‬ @ pantip.com