วิธีปลดหนี้บัตรเครดิตแบบมีส่วนลด ใครเป็นหนี้บัตรเครดิต ? อ่านนี่
นำเสนอข่าวโดย > ทีมงานจ๊อบไทยดีดี ดอทคอม
ผมเชื่อทุกคนย่อมไม่อยากเป็นหนี้กันอย่างแน่นอน แต่หลายสิ่งหลายอย่างหรือความจำเป็น อีกทั้งเหตุผล 108 พันอย่างทำให้เรานั้นกลายเป็นหนี้บัตรเครดิต บางคนเป็นหนี้จาก 1,000 และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนถึงหลักหมื่น และเป็นหนี้อย่างนี้โดยไม่รู้จบ
เราไปเจอกระทู้หนึ้งในเว็บ @ Pantip.com เจ้าของกระทู้หมายเลข 34857337 สมาชิกหมายเลข 2562632 เขาได้เล่าถึงการก้าวพลาดที่เขานั้นได้เป็นหนี้บัตรเครดิต แต่เขาก็สามารถผ่อนจนหมดและหลุดพ้นมันได้ด้วยวิธีการของเขา มาดูเขาว่าใช้วิธีอะไร
เมื่อไม่นานมานี้ จขกท เพิ่งปลดหนี้บัตรกดเงินสดได้ จึงอยากจะมาแชร์วิธีการกันนะคะ
ย้อนหลังกลับไปหลายปีที่แล้ว จขกท เคยตกเป็นเหยื่อการกดเงินสดจากบัตรออกมาใช้ ซึ่งใครๆ ก็คงรู้ว่าดอกเบี้ยมหาโหดมากกกกก
และเพิ่งจะมาตาสว่างเอาตอนที่จ่ายเท่าไหร่ก็ไม่หมดนี่แหละค่ะ (จ่ายเกินขั้นต่ำมาประมาณพันสองพัน แล้วแต่กำลังในเดือนนั้นๆ)
และยอดหนี้ก็คงอยู่ที่ประมาณ 70,000 มาร่วมปีกว่า โดยที่ไม่ลดลงเลย เพราะเราไม่สามารถจ่ายโปะทีละเยอะๆ ได้
ถือว่าเป็นอะไรที่ปวดหัวมาก กับแต่ละเดือน เวลาเงินก็จะหมด หนี้ก็จะต้องจ่าย แถมจ่ายไป ไม่ลดลงอีกต่างหาก
เหมือนเลี้ยงไข้ไปเรื่อยๆ ไม่ตาย ไม่หายขาด
ทีนี้ ฮึดสู้เก็บเงินได้ก้อนนึง 40,000 บาท ตอนแรกสุด คิดว่าจะเอาไปโปะ แล้วทยอยจ่ายที่เหลือไป ดอกเบี้ยก็น่าจะลดลง
แต่ว่า เกิดคิดอะไรขึ้นมาไม่รู้ เข้าเนต เสิร์ชหาวิธีการปิดบัตร
ส่วนใหญ่ที่เจอคือต้องปล่อยให้เครดิตเสียก่อน เป็นหนี้เน่า แล้วทางบัตรถึงจะยอมลดให้ หรือบางรายขึ้นศาลไปเลยก็มี
เลยเกิดความคิดขึ้นมาว่า ถ้าอย่างนั้นเราลองต่อรองกับเขาก่อนไหม ว่าจะลดได้เท่าไหร่
รวบรวมมาเป็นขั้นตอน จะได้ดูง่ายๆ นะคะ
1. เข้าไปติดต่อสาขา ขอเบอร์ที่ต่อตรงพวกผู้จัดการเร่งรัดหนี้สิน
2. โทรเข้าไป หรือรอให้เขาโทรมาแจ้งเตือนยอดชำระ แล้วระบุความต้องการว่า เราต้องการปิดบัตร จะขอส่วนลดจากยอดเต็ม
3. แรกๆ อย่าเพิ่งถอดใจนะคะ เพราะพนักงานจะบ่ายเบี่ยง บอกว่าไม่สามารถทำได้อย่างนั้นอย่างนี้ เราต้องสตรอง และยึดมั่นในความต้องการของเรา ในส่วนของจขกท ได้บอกพนักงานไปว่า "ทีพวกที่หนีหนี้ ไม่ยอมจ่าย คุณยังลดยอดหนี้เพื่อให้เค้ามีจ่ายได้เลย นี่ดิฉันเอาเงินมาให้คุณแล้วจำนวนหนึ่งที่เกินครึ่งของยอดหนี้ คุณจะไม่มีส่วนลดให้เลยเหรอคะ" ป.ล. อย่าเพิ่งบอกเขานะคะว่าคุณจะจ่ายเท่าไหร่
4. ในที่สุด พนักงานจะขอเบอร์ติดต่อกลับของคุณไว้ ในขั้นตอนนี้ ให้คุณจดหมายเลขพนักงาน และชื่อนามสกุลเต็มไว้ เพื่อนำไปใช้อ้างอิงกรณีที่เค้าไม่ดำเนินการต่อค่ะ
5. ส่วนของ จขกท ผู้จัดการเร่งรัดหนี้สิน ได้โทรเข้ามาต่อรองด้วยตนเอง ตรงนี้ สามารถบอกเขาได้ว่าเรามีกำลังจ่ายเท่าไหร่ เพื่อเขาจะได้นำไปคำนวณลบยอดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมอื่นๆ ออกมาเป็นตัวเลขกลมๆ ที่เป็น final ให้เรา
6. ของ จขกท เขาคำนวณมาให้ได้ที่ 50,000 บาทค่ะ ต่อรองในขั้นต้นแล้วไม่สามารถลดได้อีก แต่ถ้าอดทนต่อรองไปเรื่อยๆ อาจจะลงมาได้ ณ จุดนั้น จขกท ยอมกัดฟันเพิ่มเงินจากที่เก็บได้อีก 10,000 บาท (จากที่มี 40,000) เพื่อปิดให้จบๆ ไป แต่ทางผู้จัดการจะบอกเราว่า ต้องรอคำยืนยันจากเขาก่อน ถึงจะไปปิดบัญชีที่สาขาได้ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นยอดโปะไปนะคะ ต้องใจเย็นๆ
7. เมื่อเขาโทรกลับมายืนยันแล้ว ขอเอกสารทาง fax ยืนยันยอดหนี้ด้วย ว่าเราตกลงชำระเป็นจำนวนเงินเท่านี้ และจะปิดบัญชี ไม่มีหนี้สินคงค้างอีก ถ้ายังไม่ได้เอกสาร อย่าเพิ่งจ่ายนะคะ
8. เมื่อได้เอกสาร เข้าไปจ่ายที่สาขา แจ้งว่ามาปิดบัญชี พร้อมแนบบัตรประชาชนและเอกสารยืนยัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ
9. จ่ายเงินแล้วยังไม่จบนะคะ โทรกลับเข้าไป เพื่อขอเอกสารการยืนยันว่าเราได้ปิดบัญชีกับทางบัตรแล้ว และไม่มียอดหนี้คงค้างอีก เพื่อเป็นหลักประกันให้ตัวเราในอนาคต จขกท ขอทั้งทาง fax และไปรษณีย์เลย
10. รอตรวจสอบในรอบบิลถัดไป ว่าเคลียร์จริงหรือยัง ถ้าเคลียร์แล้ว ก็ขอแสดงความยินดีด้วยจ้าาาา
จขกท ตั้งกระทู้นี้เพื่อแบ่งปันทางออกในยามที่เราลำบาก ไม่ได้มีเจตนาโกงใดๆ ทั้งสิ้นนะคะ
ข้อควรระวัง
1. ในการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ ควรใช้คำพูดที่สุภาพ เน้นหนักเสียงได้เพื่อย้ำความสำคัญ แต่ต้องไม่หยาบคาย เนื่องจากทางระบบมีการบันทึกเสียงไว้ตลอดเวลา
2. ต้องมีเงินก้อนหนึ่งอยู่ในมือที่ตั้งใจจะปิดบัญชี ในกรณีของ จขกท มีประมาณ 60% ของยอดหนี้ และปิดจริงที่ 70% ของยอดหนี้ อย่าไปบลัฟเขามือเปล่าเด็ดขาด
3. การขอเอกสารยืนยัน ขอชื่อ นามสกุลเจ้าหน้าที่ในแต่ละขั้นตอนสำคัญมาก เพื่อเป็นการอ้างอิง
สุดท้ายนี้ ถ้าหากกระทู้จะเป็นประโยชน์กับใคร จขกท ก็ยินดี หากมีคำติประการใด ก็ขอน้อมรับ
เพราะการเป็นหนี้บัตรกดเงินสด เป็นหนี้ที่มีแต่เสียกับเสีย ไม่ก่อเกิดผลใดๆ เลยจริงๆ
ป.ล. ใครมีแท็กอื่นๆ เพิ่มเติมแนะนำได้นะคะ
ขอเพิ่มเติมข้อมูลจากคอมเมนต์ของคุณ "เป็นแมวจะนอนท่าไหนก็ได้" นะคะ เพื่อประกอบการตัดสินใจ ว่าจริงๆ แล้วก็ติดเครดิตบูโรด้วย
แต่ขอสินเชื่อไม่ได้ไปซักพักใหญ่ (12 - 36 เดือน) โดยเฉพาะธนาคารที่คุณเป็นหนี้ แบบที่คุณทำ คุณนายแม่เราก็เคยทำ (ที่อิออน) เข้าไปคุยกับผู้จัดการสาขา เข้าไปเจรจา ก็คิดเหมือนคุณแหละ คิดว่าไม่ติดบูโร่ ที่ไหนได้พอจะไปยื่นสินเชื่อที่ใหม่เท่านั้นแหละ ธนาคารเจอว่า มีประวัติว่าผ่านการขอประนอมหนี้มาแล้ว (รหัส D3 มีการประนอมหนี้ หรือ มีข้อตกลงในการปรับโครงสร้างหนี้ใหม่) แล้วพอจ่ายหมดก็มีประวัติเป็น 11 ปิดบัญชี
สรุป ไม่เป็นหนี้เน่าเสีย อันนี้น่าจะใช่ แต่ไม่ติดเครดิตบูโร่ อันนี้คิดว่าไม่ใช่ ยังไงก็ติดเครดิตบูโร่อยู่ดี เพียงแต่รหัสเป็น D3 ไม่ใช่พวก
20 = มีหนี้ค้างชำระเกิน 90 วัน
30 = อยู่ในกระบวนการทางกฏหมาย
31 = อยู่ในระหว่างชำระหนี้ตามคำพิพากษา ตามยอม
ฯลฯ
สำหรับใครที่อ่านเรื่องนี้จบแล้วนั้น เราเชื่อว่าบทความนี้ต้องใช้ประโยชน์ในหลายๆด้านต่อทุกท่านอย่างแน่นอนเลยทีเดียว ขอบคุณข้อมูลจาก http://pantip.com/topic/34857337 จากสมาชิกหมายเลข 2562632
เราไปเจอกระทู้หนึ้งในเว็บ @ Pantip.com เจ้าของกระทู้หมายเลข 34857337 สมาชิกหมายเลข 2562632 เขาได้เล่าถึงการก้าวพลาดที่เขานั้นได้เป็นหนี้บัตรเครดิต แต่เขาก็สามารถผ่อนจนหมดและหลุดพ้นมันได้ด้วยวิธีการของเขา มาดูเขาว่าใช้วิธีอะไร
โดยเขาเล่าว่า
"
เมื่อไม่นานมานี้ จขกท เพิ่งปลดหนี้บัตรกดเงินสดได้ จึงอยากจะมาแชร์วิธีการกันนะคะ
ย้อนหลังกลับไปหลายปีที่แล้ว จขกท เคยตกเป็นเหยื่อการกดเงินสดจากบัตรออกมาใช้ ซึ่งใครๆ ก็คงรู้ว่าดอกเบี้ยมหาโหดมากกกกก
และเพิ่งจะมาตาสว่างเอาตอนที่จ่ายเท่าไหร่ก็ไม่หมดนี่แหละค่ะ (จ่ายเกินขั้นต่ำมาประมาณพันสองพัน แล้วแต่กำลังในเดือนนั้นๆ)
และยอดหนี้ก็คงอยู่ที่ประมาณ 70,000 มาร่วมปีกว่า โดยที่ไม่ลดลงเลย เพราะเราไม่สามารถจ่ายโปะทีละเยอะๆ ได้
ถือว่าเป็นอะไรที่ปวดหัวมาก กับแต่ละเดือน เวลาเงินก็จะหมด หนี้ก็จะต้องจ่าย แถมจ่ายไป ไม่ลดลงอีกต่างหาก
เหมือนเลี้ยงไข้ไปเรื่อยๆ ไม่ตาย ไม่หายขาด
ทีนี้ ฮึดสู้เก็บเงินได้ก้อนนึง 40,000 บาท ตอนแรกสุด คิดว่าจะเอาไปโปะ แล้วทยอยจ่ายที่เหลือไป ดอกเบี้ยก็น่าจะลดลง
แต่ว่า เกิดคิดอะไรขึ้นมาไม่รู้ เข้าเนต เสิร์ชหาวิธีการปิดบัตร
ส่วนใหญ่ที่เจอคือต้องปล่อยให้เครดิตเสียก่อน เป็นหนี้เน่า แล้วทางบัตรถึงจะยอมลดให้ หรือบางรายขึ้นศาลไปเลยก็มี
เลยเกิดความคิดขึ้นมาว่า ถ้าอย่างนั้นเราลองต่อรองกับเขาก่อนไหม ว่าจะลดได้เท่าไหร่
รวบรวมมาเป็นขั้นตอน จะได้ดูง่ายๆ นะคะ
1. เข้าไปติดต่อสาขา ขอเบอร์ที่ต่อตรงพวกผู้จัดการเร่งรัดหนี้สิน
2. โทรเข้าไป หรือรอให้เขาโทรมาแจ้งเตือนยอดชำระ แล้วระบุความต้องการว่า เราต้องการปิดบัตร จะขอส่วนลดจากยอดเต็ม
3. แรกๆ อย่าเพิ่งถอดใจนะคะ เพราะพนักงานจะบ่ายเบี่ยง บอกว่าไม่สามารถทำได้อย่างนั้นอย่างนี้ เราต้องสตรอง และยึดมั่นในความต้องการของเรา ในส่วนของจขกท ได้บอกพนักงานไปว่า "ทีพวกที่หนีหนี้ ไม่ยอมจ่าย คุณยังลดยอดหนี้เพื่อให้เค้ามีจ่ายได้เลย นี่ดิฉันเอาเงินมาให้คุณแล้วจำนวนหนึ่งที่เกินครึ่งของยอดหนี้ คุณจะไม่มีส่วนลดให้เลยเหรอคะ" ป.ล. อย่าเพิ่งบอกเขานะคะว่าคุณจะจ่ายเท่าไหร่
4. ในที่สุด พนักงานจะขอเบอร์ติดต่อกลับของคุณไว้ ในขั้นตอนนี้ ให้คุณจดหมายเลขพนักงาน และชื่อนามสกุลเต็มไว้ เพื่อนำไปใช้อ้างอิงกรณีที่เค้าไม่ดำเนินการต่อค่ะ
5. ส่วนของ จขกท ผู้จัดการเร่งรัดหนี้สิน ได้โทรเข้ามาต่อรองด้วยตนเอง ตรงนี้ สามารถบอกเขาได้ว่าเรามีกำลังจ่ายเท่าไหร่ เพื่อเขาจะได้นำไปคำนวณลบยอดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมอื่นๆ ออกมาเป็นตัวเลขกลมๆ ที่เป็น final ให้เรา
6. ของ จขกท เขาคำนวณมาให้ได้ที่ 50,000 บาทค่ะ ต่อรองในขั้นต้นแล้วไม่สามารถลดได้อีก แต่ถ้าอดทนต่อรองไปเรื่อยๆ อาจจะลงมาได้ ณ จุดนั้น จขกท ยอมกัดฟันเพิ่มเงินจากที่เก็บได้อีก 10,000 บาท (จากที่มี 40,000) เพื่อปิดให้จบๆ ไป แต่ทางผู้จัดการจะบอกเราว่า ต้องรอคำยืนยันจากเขาก่อน ถึงจะไปปิดบัญชีที่สาขาได้ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นยอดโปะไปนะคะ ต้องใจเย็นๆ
7. เมื่อเขาโทรกลับมายืนยันแล้ว ขอเอกสารทาง fax ยืนยันยอดหนี้ด้วย ว่าเราตกลงชำระเป็นจำนวนเงินเท่านี้ และจะปิดบัญชี ไม่มีหนี้สินคงค้างอีก ถ้ายังไม่ได้เอกสาร อย่าเพิ่งจ่ายนะคะ
8. เมื่อได้เอกสาร เข้าไปจ่ายที่สาขา แจ้งว่ามาปิดบัญชี พร้อมแนบบัตรประชาชนและเอกสารยืนยัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ
9. จ่ายเงินแล้วยังไม่จบนะคะ โทรกลับเข้าไป เพื่อขอเอกสารการยืนยันว่าเราได้ปิดบัญชีกับทางบัตรแล้ว และไม่มียอดหนี้คงค้างอีก เพื่อเป็นหลักประกันให้ตัวเราในอนาคต จขกท ขอทั้งทาง fax และไปรษณีย์เลย
10. รอตรวจสอบในรอบบิลถัดไป ว่าเคลียร์จริงหรือยัง ถ้าเคลียร์แล้ว ก็ขอแสดงความยินดีด้วยจ้าาาา
จขกท ตั้งกระทู้นี้เพื่อแบ่งปันทางออกในยามที่เราลำบาก ไม่ได้มีเจตนาโกงใดๆ ทั้งสิ้นนะคะ
ข้อควรระวัง
1. ในการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ ควรใช้คำพูดที่สุภาพ เน้นหนักเสียงได้เพื่อย้ำความสำคัญ แต่ต้องไม่หยาบคาย เนื่องจากทางระบบมีการบันทึกเสียงไว้ตลอดเวลา
2. ต้องมีเงินก้อนหนึ่งอยู่ในมือที่ตั้งใจจะปิดบัญชี ในกรณีของ จขกท มีประมาณ 60% ของยอดหนี้ และปิดจริงที่ 70% ของยอดหนี้ อย่าไปบลัฟเขามือเปล่าเด็ดขาด
3. การขอเอกสารยืนยัน ขอชื่อ นามสกุลเจ้าหน้าที่ในแต่ละขั้นตอนสำคัญมาก เพื่อเป็นการอ้างอิง
สุดท้ายนี้ ถ้าหากกระทู้จะเป็นประโยชน์กับใคร จขกท ก็ยินดี หากมีคำติประการใด ก็ขอน้อมรับ
เพราะการเป็นหนี้บัตรกดเงินสด เป็นหนี้ที่มีแต่เสียกับเสีย ไม่ก่อเกิดผลใดๆ เลยจริงๆ
ป.ล. ใครมีแท็กอื่นๆ เพิ่มเติมแนะนำได้นะคะ
ขอเพิ่มเติมข้อมูลจากคอมเมนต์ของคุณ "เป็นแมวจะนอนท่าไหนก็ได้" นะคะ เพื่อประกอบการตัดสินใจ ว่าจริงๆ แล้วก็ติดเครดิตบูโรด้วย
แต่ขอสินเชื่อไม่ได้ไปซักพักใหญ่ (12 - 36 เดือน) โดยเฉพาะธนาคารที่คุณเป็นหนี้ แบบที่คุณทำ คุณนายแม่เราก็เคยทำ (ที่อิออน) เข้าไปคุยกับผู้จัดการสาขา เข้าไปเจรจา ก็คิดเหมือนคุณแหละ คิดว่าไม่ติดบูโร่ ที่ไหนได้พอจะไปยื่นสินเชื่อที่ใหม่เท่านั้นแหละ ธนาคารเจอว่า มีประวัติว่าผ่านการขอประนอมหนี้มาแล้ว (รหัส D3 มีการประนอมหนี้ หรือ มีข้อตกลงในการปรับโครงสร้างหนี้ใหม่) แล้วพอจ่ายหมดก็มีประวัติเป็น 11 ปิดบัญชี
สรุป ไม่เป็นหนี้เน่าเสีย อันนี้น่าจะใช่ แต่ไม่ติดเครดิตบูโร่ อันนี้คิดว่าไม่ใช่ ยังไงก็ติดเครดิตบูโร่อยู่ดี เพียงแต่รหัสเป็น D3 ไม่ใช่พวก
20 = มีหนี้ค้างชำระเกิน 90 วัน
30 = อยู่ในกระบวนการทางกฏหมาย
31 = อยู่ในระหว่างชำระหนี้ตามคำพิพากษา ตามยอม
ฯลฯ
ต้องขอขอบคุณข้อมูลที่นำมาแชร์นะคะใครที่ด่า จขกท น้อมรับค่ะ ก้าวพลาดไปแล้วตั้งแต่เริ่มเป็นหนี้ และไม่มีวินัยทางการเงิน
สำหรับใครที่อ่านเรื่องนี้จบแล้วนั้น เราเชื่อว่าบทความนี้ต้องใช้ประโยชน์ในหลายๆด้านต่อทุกท่านอย่างแน่นอนเลยทีเดียว ขอบคุณข้อมูลจาก http://pantip.com/topic/34857337 จากสมาชิกหมายเลข 2562632
- ห้ามมิให้ผู้ใดโพดขายสินค้าเด็ดขาด
- ข้อความโพสโดยสาธารณชน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
แสดงความคิดเห็น :
- กรุณาใช้คำพูดที่สุภาพและไม่ทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสีย- ห้ามมิให้ผู้ใดโพดขายสินค้าเด็ดขาด
- ข้อความโพสโดยสาธารณชน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ติดตามข่าวบน Facebook กด Like เพื่อไม่พลาดข่าว !!!
ศูนย์ข่าวสารงานราชการ ข่าวเปิดสอบราชการ ตำแหน่งงานว่างอัพเดทให้ทุกวัน ติดตามที่นี่ www.jobthaidd.com