เล็งแก้มาตรฐานตำแหน่งแยกผอ.รร.เป็น3กลุ่ม " เล็ก-กลาง-ใหญ่ "

นำเสนอข่าวโดย > ทีมงานจ๊อบไทยดีดี ดอทคอม
วันนี้ (1 มี.ค.) นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรงค์ เลขาธิการคณะกรรมกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เปิดเผยความคืบหน้าการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการเข้าสู่ตำแหน่งรองผู้อำนวยการ(รอง ผอ.)สถานศึกษา และผู้อำนวยการ(ผอ.)สถานศึกษา ว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้
สำนักงานก.ค.ศ. ได้จัดประชุมสัมมนาเพื่อปรับปรุงร่างหลักเกณฑ์ฯ ดังกล่าว ซึ่งตามนโยบายของ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) อยากให้ผู้ที่มาเป็นผอ.สถานศึกษา ผ่านประสบการณ์บริหารในโรงเรียนขนาดเล็กก่อน จากนั้นขยับมาบริหารโรงเรียนขนาดกลาง และโรงเรียนขนาดใหญ่ ซึ่ง ก.ค.ศ.จะต้องมาคิดหลักเกณฑ์ ว่า โรงเรียนขนาดเล็กและขนาดกลาง ควรมีมาตรฐานตำแหน่งอย่างไร เพราะในกฏหมายปัจจุบันเรียกผู้อำนวยการโรงเรียนเท่ากันหมด ดังนั้น อาจจะปรับมาตรฐานตำแหน่ง ผอ.สถานศึกษา เป็น 3 กลุ่ม ตามขนาดโรงเรียน เช่น ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่โดยเทียบเคียงกับในอดีตที่เคยมีการเรียนตำแหน่งผู้บริหารโรงเรียนขนาดเล็กว่า"ครูใหญ่"ขนาดกลาง เรียกว่า "อาจารย์ใหญ่" และ ขนาดใหญ่ เรียกว่า "ผู้อำนวยการโรงเรียน" และดูด้วยว่าแต่ละตำแหน่งควรได้เงินประจำตำแหน่งและเงินวิทยฐานะ ที่แตกต่างกันเท่าไร เลขาธิการก.ค.ศ. กล่าวต่อว่า การปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าว ต้องคำนึงถึงผู้ที่มีคุณสมบัติในการเข้ารับการคัดเลือกเป็นผอ.โรงเรียนในปัจจุบันด้วย ซึ่งตามหลักเกณฑ์การเข้าสู่ตำแหน่งปัจจุบันกำหนดคุณสมบัติ ว่า การเข้าสู่ตำแหน่งผอ.สถานศึกษา เปิดกว้างให้ครูที่มีวิทยฐานะไม่ต่ำกว่าครูชำนาญการ มีสิทธิสมัครเข้ารับการคัดเลือกได้ ซึ่งเท่ากับว่า หากจบปริญญาตรี เมื่อเป็นครูผู้ช่วย 2 ปี และทำงานอีก 6 ปี ก็สามารถสอบเป็น ผอ.สถานศึกษาได้ หากจบปริญญาโท จะใช้เวลารวม 6 ปี แต่หากจบปริญญาเอก ก็จะใช้เวลา 4 ปี ซึ่งมาตรฐานตำแหน่งใหม่ที่อยู่ระหว่างจัดทำจะมีการกำหนดระยะเวลาการในการดำรงตำแหน่งของครู ซึ่งจะทำให้ผู้ที่มีคุณสมบัติสมัครสอบเป็นผอ.สถานศึกษาในปัจจุบัน ไม่สามารถเข้าสู่ตำแหน่งได้ โดยคณะกรรมการจัดทำหลักเกณฑ์ฯ เห็นว่า น่าจะให้โอกาสคนกลุ่มนี้สักระยะหนึ่งก่อนด้วย
“ส่วนการได้มาซึ่งวิทยฐานะชำนาญการยังเป็นไปตามเดิม เพราะตามนโยบายของ รมว.ศธ. ต้องการให้ไล่ไปตามลำดับตำแหน่ง โดยอยากให้เป็นรองผอ.โรงเรียนมาก่อนด้วย และรองผอ.โรงเรียนเวลาจะขึ้นตำแหน่งก็ต้องไล่ตามลำดับขนาดโรงเรียนอีกชั้นหนึ่ง และถ้าจะขึ้นมาดำรงตำแหน่งผอ.โรงเรียน ก็ต้องสมัครเข้ารับการคัดเลือกใหม่ ทั้งนี้ ผมจะเร่งจัดทำร่างดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ศึกษา (อ.ก.ค.ศ.)วิสามัญ ในวันที่11มีนาคมนี้ และเสนอให้ก.ค.ศ.พิจารณาให้ความเห็นชอบในวันที่18มีนาคม ” นายพินิจศักดิ์ กล่าวและว่า มาตรฐานการเข้าสู่ตำแหน่งในปัจจุบัน ไม่ได้ห้ามรองผอ.โรงเรียนขนาดเล็ก จะไปเป็นผอ.โรงเรียนขนาดใหญ่ แต่ในทางปฏิบัติ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ก็จะต้องพิจารณาความเหมาะสม ถ้าคนที่เป็นรองผอ.โรงเรียน ส่วนใหญ่ก็จะย้ายไปอยู่โรงเรียนขนาดกลาง และขนาดใหญ่ก่อน เหลือโรงเรียนขนาดเล็ก แต่ถ้ากำหนดเกณฑ์ใหม่ ก็จะเป็นการล็อคไว้โดยอัตโนมัติ ว่าต้องเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาในโรงเรียนขนาดเล็กก่อน รวมถึงจะกำหนดคุณสมบัติการเข้าสู่ตำแหน่งของผู้บริหารสถานศึกษาในแต่ละระดับด้วย ว่าจะต้องผ่านโรงเรียนขนาดเล็กก่อน ทั้งหมดนี้เพื่อให้ได้ผอ.โรงเรียนที่มีคุณภาพมีประสบการณ์ ซึ่งก็จะทำให้โรงเรียนมีคุณภาพไปด้วย ขณะเดียวกันเนื้อหาการคัดเลือกก็จะต้องเปลี่ยนไป โดยเน้นดูที่ประสบการณ์ ซึ่งนอกจากการทดสอบข้อเขียนทั่วไปแล้ว ยังอาจจะต้องมีการทดสอบประสบการณ์ด้านการบริหารด้วย.“
ที่มา http://dailynews.co.th/education/382942
สำนักงานก.ค.ศ. ได้จัดประชุมสัมมนาเพื่อปรับปรุงร่างหลักเกณฑ์ฯ ดังกล่าว ซึ่งตามนโยบายของ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) อยากให้ผู้ที่มาเป็นผอ.สถานศึกษา ผ่านประสบการณ์บริหารในโรงเรียนขนาดเล็กก่อน จากนั้นขยับมาบริหารโรงเรียนขนาดกลาง และโรงเรียนขนาดใหญ่ ซึ่ง ก.ค.ศ.จะต้องมาคิดหลักเกณฑ์ ว่า โรงเรียนขนาดเล็กและขนาดกลาง ควรมีมาตรฐานตำแหน่งอย่างไร เพราะในกฏหมายปัจจุบันเรียกผู้อำนวยการโรงเรียนเท่ากันหมด ดังนั้น อาจจะปรับมาตรฐานตำแหน่ง ผอ.สถานศึกษา เป็น 3 กลุ่ม ตามขนาดโรงเรียน เช่น ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่โดยเทียบเคียงกับในอดีตที่เคยมีการเรียนตำแหน่งผู้บริหารโรงเรียนขนาดเล็กว่า"ครูใหญ่"ขนาดกลาง เรียกว่า "อาจารย์ใหญ่" และ ขนาดใหญ่ เรียกว่า "ผู้อำนวยการโรงเรียน" และดูด้วยว่าแต่ละตำแหน่งควรได้เงินประจำตำแหน่งและเงินวิทยฐานะ ที่แตกต่างกันเท่าไร เลขาธิการก.ค.ศ. กล่าวต่อว่า การปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าว ต้องคำนึงถึงผู้ที่มีคุณสมบัติในการเข้ารับการคัดเลือกเป็นผอ.โรงเรียนในปัจจุบันด้วย ซึ่งตามหลักเกณฑ์การเข้าสู่ตำแหน่งปัจจุบันกำหนดคุณสมบัติ ว่า การเข้าสู่ตำแหน่งผอ.สถานศึกษา เปิดกว้างให้ครูที่มีวิทยฐานะไม่ต่ำกว่าครูชำนาญการ มีสิทธิสมัครเข้ารับการคัดเลือกได้ ซึ่งเท่ากับว่า หากจบปริญญาตรี เมื่อเป็นครูผู้ช่วย 2 ปี และทำงานอีก 6 ปี ก็สามารถสอบเป็น ผอ.สถานศึกษาได้ หากจบปริญญาโท จะใช้เวลารวม 6 ปี แต่หากจบปริญญาเอก ก็จะใช้เวลา 4 ปี ซึ่งมาตรฐานตำแหน่งใหม่ที่อยู่ระหว่างจัดทำจะมีการกำหนดระยะเวลาการในการดำรงตำแหน่งของครู ซึ่งจะทำให้ผู้ที่มีคุณสมบัติสมัครสอบเป็นผอ.สถานศึกษาในปัจจุบัน ไม่สามารถเข้าสู่ตำแหน่งได้ โดยคณะกรรมการจัดทำหลักเกณฑ์ฯ เห็นว่า น่าจะให้โอกาสคนกลุ่มนี้สักระยะหนึ่งก่อนด้วย
“ส่วนการได้มาซึ่งวิทยฐานะชำนาญการยังเป็นไปตามเดิม เพราะตามนโยบายของ รมว.ศธ. ต้องการให้ไล่ไปตามลำดับตำแหน่ง โดยอยากให้เป็นรองผอ.โรงเรียนมาก่อนด้วย และรองผอ.โรงเรียนเวลาจะขึ้นตำแหน่งก็ต้องไล่ตามลำดับขนาดโรงเรียนอีกชั้นหนึ่ง และถ้าจะขึ้นมาดำรงตำแหน่งผอ.โรงเรียน ก็ต้องสมัครเข้ารับการคัดเลือกใหม่ ทั้งนี้ ผมจะเร่งจัดทำร่างดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ศึกษา (อ.ก.ค.ศ.)วิสามัญ ในวันที่11มีนาคมนี้ และเสนอให้ก.ค.ศ.พิจารณาให้ความเห็นชอบในวันที่18มีนาคม ” นายพินิจศักดิ์ กล่าวและว่า มาตรฐานการเข้าสู่ตำแหน่งในปัจจุบัน ไม่ได้ห้ามรองผอ.โรงเรียนขนาดเล็ก จะไปเป็นผอ.โรงเรียนขนาดใหญ่ แต่ในทางปฏิบัติ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ก็จะต้องพิจารณาความเหมาะสม ถ้าคนที่เป็นรองผอ.โรงเรียน ส่วนใหญ่ก็จะย้ายไปอยู่โรงเรียนขนาดกลาง และขนาดใหญ่ก่อน เหลือโรงเรียนขนาดเล็ก แต่ถ้ากำหนดเกณฑ์ใหม่ ก็จะเป็นการล็อคไว้โดยอัตโนมัติ ว่าต้องเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาในโรงเรียนขนาดเล็กก่อน รวมถึงจะกำหนดคุณสมบัติการเข้าสู่ตำแหน่งของผู้บริหารสถานศึกษาในแต่ละระดับด้วย ว่าจะต้องผ่านโรงเรียนขนาดเล็กก่อน ทั้งหมดนี้เพื่อให้ได้ผอ.โรงเรียนที่มีคุณภาพมีประสบการณ์ ซึ่งก็จะทำให้โรงเรียนมีคุณภาพไปด้วย ขณะเดียวกันเนื้อหาการคัดเลือกก็จะต้องเปลี่ยนไป โดยเน้นดูที่ประสบการณ์ ซึ่งนอกจากการทดสอบข้อเขียนทั่วไปแล้ว ยังอาจจะต้องมีการทดสอบประสบการณ์ด้านการบริหารด้วย.“
ที่มา http://dailynews.co.th/education/382942
- ห้ามมิให้ผู้ใดโพดขายสินค้าเด็ดขาด
- ข้อความโพสโดยสาธารณชน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
แสดงความคิดเห็น :
- กรุณาใช้คำพูดที่สุภาพและไม่ทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสีย- ห้ามมิให้ผู้ใดโพดขายสินค้าเด็ดขาด
- ข้อความโพสโดยสาธารณชน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ติดตามข่าวบน Facebook กด Like เพื่อไม่พลาดข่าว !!!
ศูนย์ข่าวสารงานราชการ ข่าวเปิดสอบราชการ ตำแหน่งงานว่างอัพเดทให้ทุกวัน ติดตามที่นี่ www.jobthaidd.com
ข่าวที่น่าสนใจตอนนี้
ลิงก์เว็บไซต์ดูผลการเรียน SGS สำหรับนักเรียนและผู้ปกครอง

สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย รับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ 60 อัตรา

มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช รับสมัครสอบแข่งขันเพื่อจ้างบุคคลเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย 125 อัตรา

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดรับสมัครสอบแข่งขันบุคคลภายนอกเพื่อบรรจุแต่งตั้งเข้ารับราชการ 155 อัตรา

วิธีตรวจสอบคุณวุฒิตามที่ ก.พ. รับรอง

กรมสรรพากร เปิดรับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ 805 อัตรา ตั้งแต่วันที่3 -24 มี.ค.68

กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เปิดรับสมัครสอบเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่น ประจำปี 2568

((เว็บไซต์สมัครสอบท้องถิ่น68))

ตำแหน่งว่างว่าง เปิดรับสมัครสอบราชการ วุฒิ ปวช./ปวส./ปริญญาตรี ทุกสาขา

สํานักงาน ก.พ. รับสมัครสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไป ประจําปี 2568 จำนวน 450,000 ที่นั่ง

ลิงก์เว็บไซต์ดูผลการเรียน SGS สำหรับนักเรียนและผู้ปกครอง

สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย รับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ 60 อัตรา

มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช รับสมัครสอบแข่งขันเพื่อจ้างบุคคลเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย 125 อัตรา

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดรับสมัครสอบแข่งขันบุคคลภายนอกเพื่อบรรจุแต่งตั้งเข้ารับราชการ 155 อัตรา

วิธีตรวจสอบคุณวุฒิตามที่ ก.พ. รับรอง

กรมสรรพากร เปิดรับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ 805 อัตรา ตั้งแต่วันที่3 -24 มี.ค.68

กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เปิดรับสมัครสอบเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่น ประจำปี 2568

((เว็บไซต์สมัครสอบท้องถิ่น68))

ตำแหน่งว่างว่าง เปิดรับสมัครสอบราชการ วุฒิ ปวช./ปวส./ปริญญาตรี ทุกสาขา

สํานักงาน ก.พ. รับสมัครสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไป ประจําปี 2568 จำนวน 450,000 ที่นั่ง
