คุณรู้หรือไม่ "ผู้ป่วย"โรคไต ห้ามกิน"มะเฟือง"เด็ดขาด หมอเตือน

นำเสนอข่าวโดย > ทีมงานจ๊อบไทยดีดี ดอทคอม
แพทย์เผยรายชื่อพืชพิษ 10 ชนิดพบมากในไทย แนะก่อนกินสมุนไพรต้องปรึกษาแพทย์ อันตรายถึงชีวิต เตือน "ผู้ป่วยไต"ห้ามกินมะเฟืองแม้เพียงชิ้นเดียว
เมื่อวันที่ 11 ก.พ. ศ.นพ.วินัย วนานุกูล หัวหน้าศูนย์พิษวิทยารามาธิบดีภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากการรวบรวมรายชื่อพืชพิษในประเทศไทย พบว่ามีพืชที่คนไทยได้รับอันตรายบ่อยที่สุด 10 อันดับ ได้แก่ สบู่ดำ/สบู่ขาว ร้อยละ 54.1 กลอย ร้อยละ 8.7 มันสำปะหลัง ร้อยละ 5.9 ลำโพง หรือมะเขือบ้า ร้อยละ 4.2 โพธิ์ศรี/โพธิ์ทะเล/โพธิ์ฝรั่ง ร้อยละ4.1 ฝิ่นต้น ร้อยละ 2.8 มะกล่ำตาหนู ร้อยละ2.5 บอน ร้อยละ 2.1 ละหุ่ง ร้อยละ1.4 และสาวน้อยประแป้ง ร้อยละ1.2 นอกจากนี้ยังมีพืชอื่น ๆ ที่ประชาชนปรึกษาเข้ามาที่ศูนย์อีก 89 ชนิด ทั้งนี้ผู้ที่ได้รับพิษจากพืชจะแสดงออก 5 กลุ่มอาการ คือการระคายเคือง เซลล์ไม่สามารถเอาออกซิเจนไปใช้ได้ ระบบประสาท ระบบหัวใจ และระบบไต
ศ.นพ.วินัย กล่าวอีกว่า สำหรับอาการระคายเคืองจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือการระคายเคืองผิวหนัง และภาวะกระเพาะและลำไส้อักเสบ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียนโดยที่ทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง คือ พืชที่มีน้ำยางใส ประกอบด้วย บอนสาวน้อยประแป้ง ว่านหมื่นปี และเผือก เพราะมีสารแคลเซียมออกซาเลต พืชที่ทำให้เกิดผื่นนูนแดงจากการสัมผัสส่วนใดส่วนหนึ่งของพืช เพราะปล่อยสารฮีสเทมีน ได้แก่ ขนของหมามุ่ย และตำแย ส่วนพืชที่รับประทานแล้วทำให้ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน แยกเป็นส่วนที่เป็นพิษจากเมล็ด คือ สบู่ดำ ฝิ่นต้น สบู่แดง และโพธิ์ฝรั่ง และเป็นพิษทุกส่วนคือ บอน สาวน้อยประแป้ง ว่านหมื่นปี นอกจากนี้ยังมีพืชที่มีน้ำยางขาวซึ่งมีสารฟอบอล ไดเตอพีนอยด์ เมื่อรับประทานเข้าไปบางรายอาจถึงแก่ชีวิตคือพญาไร้ใบ สลัดได โป๊ยเซียน และคริสต์มาส รวมถึงพืชกลุ่มที่เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วทำให้แบ่งเซลล์ไม่ได้ เสียชีวิตเช่นกัน ได้แก่ มะกล่ำตาหนู ละหุ่ง ดองดึง

หัวหน้าศูนย์พิษวิทยาฯ กล่าวด้วยว่า ส่วนพืชที่ทำให้เซลล์ไม่สามารถเอาออกซิเจนไปใช้ได้คือ รากมันสำปะหลัง โล่ติ้น,หางไหล หน่อไม้ และผักเสี้ยน ขณะที่เมล็ดมันแกวหากรับประทานจะคลื่นไส้อาเจียน สับสน วุ่นวาย มีอาการทางหัวใจ และเสียชีวิต สำหรับพืชที่ทำให้เกิดพิษต่อสมอง ทั้งฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง และส่วนหลัง อาทิ ฝิ่น กัญชา เห็ดขี้ควาย กระท่อม ต้นแสลงใจ ลำโพง เป็นต้น และพืชที่มีผลต่อระบบหัวใจทำให้ชีพจรเต้นช้าเมื่อรับประทานเข้าไปคือ ยี่โถ รำเพย ชวนชม พันซาด และสุดท้ายพืชที่ทำให้เกิดพิษต่อไต ทำให้ไตวายเฉียบพลัน ได้แก่ ลูกเนียง เกิดอาการหลังได้รับ 2-14 ชั่วโมง ทั้งนี้ผู้ที่มีปัญหาโรคไตห้ามรับประทานมะเฟือง เพราะมีอันตรายมาก ซึ่งมีรายงานว่าผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไตแม้กินมะเฟือง 1 ชิ้น ทำให้เกิดอันตรายใน 2.5-14 ชั่วโมง ส่วนคนปกติสามารถดื่มน้ำมะเฟืองได้ 1.5-3 ลิตรต่อวัน
“นอกจากนี้อยากให้ประชาชนระวังพิษจากสมุนไพรด้วย โดยเฉพาะสสารเสริมอาหารที่สกัดจากสมุนไพร 4 ชนิด คือเซนต์จอห์นเวิร์ต กระเทียม แปะก๊วย และโสม เนื่องจากหากรับประทานตามธรรมชาติอาจออกฤทธิ์ประมาณร้อยละ 1-2 แต่เมื่อนำมาสกัดเป็นแบบแคปซูลจะทำให้ความเข้มข้นของสารในสมุนไพรดังกล่าวสูงขึ้น และมีโอกาสที่จะทำปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นที่รับประทานอยู่ด้วยได้ ทำให้ฤทธิ์แรงเกินเกิดภาวะเป็นพิษ อันตรายกับคนไข้ ดังนั้นการกินสารเสริมอาหารจากสมุนไพร แม้จะเป็นสารธรรมชาติก็ไม่ได้ปลอดภัย 100 % ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ”ศ.นพ.วินัย กล่าว.
ขอบคุณเนื้อหาจาก : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันพฤหัสที่ 11 กุมภาพันธ์ 2559
เมื่อวันที่ 11 ก.พ. ศ.นพ.วินัย วนานุกูล หัวหน้าศูนย์พิษวิทยารามาธิบดีภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากการรวบรวมรายชื่อพืชพิษในประเทศไทย พบว่ามีพืชที่คนไทยได้รับอันตรายบ่อยที่สุด 10 อันดับ ได้แก่ สบู่ดำ/สบู่ขาว ร้อยละ 54.1 กลอย ร้อยละ 8.7 มันสำปะหลัง ร้อยละ 5.9 ลำโพง หรือมะเขือบ้า ร้อยละ 4.2 โพธิ์ศรี/โพธิ์ทะเล/โพธิ์ฝรั่ง ร้อยละ4.1 ฝิ่นต้น ร้อยละ 2.8 มะกล่ำตาหนู ร้อยละ2.5 บอน ร้อยละ 2.1 ละหุ่ง ร้อยละ1.4 และสาวน้อยประแป้ง ร้อยละ1.2 นอกจากนี้ยังมีพืชอื่น ๆ ที่ประชาชนปรึกษาเข้ามาที่ศูนย์อีก 89 ชนิด ทั้งนี้ผู้ที่ได้รับพิษจากพืชจะแสดงออก 5 กลุ่มอาการ คือการระคายเคือง เซลล์ไม่สามารถเอาออกซิเจนไปใช้ได้ ระบบประสาท ระบบหัวใจ และระบบไต
ศ.นพ.วินัย กล่าวอีกว่า สำหรับอาการระคายเคืองจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือการระคายเคืองผิวหนัง และภาวะกระเพาะและลำไส้อักเสบ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียนโดยที่ทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง คือ พืชที่มีน้ำยางใส ประกอบด้วย บอนสาวน้อยประแป้ง ว่านหมื่นปี และเผือก เพราะมีสารแคลเซียมออกซาเลต พืชที่ทำให้เกิดผื่นนูนแดงจากการสัมผัสส่วนใดส่วนหนึ่งของพืช เพราะปล่อยสารฮีสเทมีน ได้แก่ ขนของหมามุ่ย และตำแย ส่วนพืชที่รับประทานแล้วทำให้ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน แยกเป็นส่วนที่เป็นพิษจากเมล็ด คือ สบู่ดำ ฝิ่นต้น สบู่แดง และโพธิ์ฝรั่ง และเป็นพิษทุกส่วนคือ บอน สาวน้อยประแป้ง ว่านหมื่นปี นอกจากนี้ยังมีพืชที่มีน้ำยางขาวซึ่งมีสารฟอบอล ไดเตอพีนอยด์ เมื่อรับประทานเข้าไปบางรายอาจถึงแก่ชีวิตคือพญาไร้ใบ สลัดได โป๊ยเซียน และคริสต์มาส รวมถึงพืชกลุ่มที่เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วทำให้แบ่งเซลล์ไม่ได้ เสียชีวิตเช่นกัน ได้แก่ มะกล่ำตาหนู ละหุ่ง ดองดึง

หัวหน้าศูนย์พิษวิทยาฯ กล่าวด้วยว่า ส่วนพืชที่ทำให้เซลล์ไม่สามารถเอาออกซิเจนไปใช้ได้คือ รากมันสำปะหลัง โล่ติ้น,หางไหล หน่อไม้ และผักเสี้ยน ขณะที่เมล็ดมันแกวหากรับประทานจะคลื่นไส้อาเจียน สับสน วุ่นวาย มีอาการทางหัวใจ และเสียชีวิต สำหรับพืชที่ทำให้เกิดพิษต่อสมอง ทั้งฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง และส่วนหลัง อาทิ ฝิ่น กัญชา เห็ดขี้ควาย กระท่อม ต้นแสลงใจ ลำโพง เป็นต้น และพืชที่มีผลต่อระบบหัวใจทำให้ชีพจรเต้นช้าเมื่อรับประทานเข้าไปคือ ยี่โถ รำเพย ชวนชม พันซาด และสุดท้ายพืชที่ทำให้เกิดพิษต่อไต ทำให้ไตวายเฉียบพลัน ได้แก่ ลูกเนียง เกิดอาการหลังได้รับ 2-14 ชั่วโมง ทั้งนี้ผู้ที่มีปัญหาโรคไตห้ามรับประทานมะเฟือง เพราะมีอันตรายมาก ซึ่งมีรายงานว่าผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไตแม้กินมะเฟือง 1 ชิ้น ทำให้เกิดอันตรายใน 2.5-14 ชั่วโมง ส่วนคนปกติสามารถดื่มน้ำมะเฟืองได้ 1.5-3 ลิตรต่อวัน
“นอกจากนี้อยากให้ประชาชนระวังพิษจากสมุนไพรด้วย โดยเฉพาะสสารเสริมอาหารที่สกัดจากสมุนไพร 4 ชนิด คือเซนต์จอห์นเวิร์ต กระเทียม แปะก๊วย และโสม เนื่องจากหากรับประทานตามธรรมชาติอาจออกฤทธิ์ประมาณร้อยละ 1-2 แต่เมื่อนำมาสกัดเป็นแบบแคปซูลจะทำให้ความเข้มข้นของสารในสมุนไพรดังกล่าวสูงขึ้น และมีโอกาสที่จะทำปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นที่รับประทานอยู่ด้วยได้ ทำให้ฤทธิ์แรงเกินเกิดภาวะเป็นพิษ อันตรายกับคนไข้ ดังนั้นการกินสารเสริมอาหารจากสมุนไพร แม้จะเป็นสารธรรมชาติก็ไม่ได้ปลอดภัย 100 % ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ”ศ.นพ.วินัย กล่าว.
ขอบคุณเนื้อหาจาก : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันพฤหัสที่ 11 กุมภาพันธ์ 2559
- ห้ามมิให้ผู้ใดโพดขายสินค้าเด็ดขาด
- ข้อความโพสโดยสาธารณชน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
แสดงความคิดเห็น :
- กรุณาใช้คำพูดที่สุภาพและไม่ทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสีย- ห้ามมิให้ผู้ใดโพดขายสินค้าเด็ดขาด
- ข้อความโพสโดยสาธารณชน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ติดตามข่าวบน Facebook กด Like เพื่อไม่พลาดข่าว !!!
ศูนย์ข่าวสารงานราชการ ข่าวเปิดสอบราชการ ตำแหน่งงานว่างอัพเดทให้ทุกวัน ติดตามที่นี่ www.jobthaidd.com
ข่าวที่น่าสนใจตอนนี้
บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) รับสมัครบุคคลเข้าทำงาน 174 อัตรา ตั้งแต่บัดนี้ - 10 ตุลาคม 2566

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดรับสมัครบุคคลภายนอกเพื่อบรรจุเข้ารับราชการ 620 อัตรา

สำนักงานประกันสังคม เปิดรับสมัครสอบบรรจุเข้ารับราชการ 33 อัตรา

กรมทางหลวง เปิดรับสมัครสอบบรรจุเข้ารับราชการ 175 อัตรา

ประกาศผลสอบ ก.พ.(ภาค ก) 2566 ตรวจสอบผลคะแนน

เปิดรับสมัครสอบเข้ารับราชการ จำนวน 7,000 อัตรา

แจกแนวข้อสอบ ก.พ. กว่า 3,500 ข้อ(พร้อมเฉลย) และ10 วีดีโอบรรยายข้อสอบ

กสถ.เตรียมเปิดรับสมัครสอบท้องถิ่น 2566 จำนวน 65 ตำแหน่ง 4,010 อัตรา แล้ว!!


สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดรับสมัครบุคคลภายนอกเพื่อบรรจุเข้ารับราชการ 620 อัตรา

สำนักงานประกันสังคม เปิดรับสมัครสอบบรรจุเข้ารับราชการ 33 อัตรา

กรมทางหลวง เปิดรับสมัครสอบบรรจุเข้ารับราชการ 175 อัตรา

ประกาศผลสอบ ก.พ.(ภาค ก) 2566 ตรวจสอบผลคะแนน

เปิดรับสมัครสอบเข้ารับราชการ จำนวน 7,000 อัตรา

แจกแนวข้อสอบ ก.พ. กว่า 3,500 ข้อ(พร้อมเฉลย) และ10 วีดีโอบรรยายข้อสอบ

กสถ.เตรียมเปิดรับสมัครสอบท้องถิ่น 2566 จำนวน 65 ตำแหน่ง 4,010 อัตรา แล้ว!!
