โครงการบ้านหลังแรก 2559 ซื้อบ้านหลังแรกไม่เกิน 31 ธันวาคม 2559 ใช้ลดหย่อนภาษีได้

นำเสนอข่าวโดย > ทีมงานจ๊อบไทยดีดี ดอทคอม
ราชกิจจานุเบกษาประกาศอย่างเป็นทางการ ซื้อบ้านหลังแรกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ พร้อมจ่ายเงิน-โอนกรรมสิทธิ์ภายใน 31 ธันวาคม 2559 นำเงินค่าบ้าน 20% มาลดหย่อนภาษีได้
หลังจากเมื่อปลายปี 2558 รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วยการผ่อนปรนเงื่อนไขการกู้ซื้อบ้านให้ประชาชนผู้มีรายได้ปานกลางสามารถซื้อบ้านเป็นของตัวเองได้ในราคาไม่เกิน 3,000,000 บาท ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ตามมาด้วยการให้สิทธิผู้ซื้อบ้านหลังแรกสามารถนำเอา 20% ของราคาบ้านไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้เป็นเวลา 5 ปี โดยสามารถใช้ยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปี 2558 ได้เลยนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559 ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศกฎกระทรวง ฉบับที่ 313 (พ.ศ. 2559) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร เพื่อยกเว้นเงินได้บุคคลธรรมดาร้อยละ 20 จากการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทอย่างเป็นทางการแล้ว โดยสรุปใจความสำคัญได้ดังนี้
ข้อที่ 1. ผู้มีเงินได้สามารถนำเอา 20% ของราคาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดินหรือห้องชุดในอาคารชุด มูลค่าไม่เกิน 3 ล้านบาท มาหักลดหย่อนภาษีได้เป็นเวลา 5 ปีต่อเนื่องกัน นับแต่ปีภาษีที่มีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ โดยได้รับยกเว้นภาษีเป็นจำนวนเท่า ๆ กันในแต่ละปีภาษี
ข้อที่ 2. ผู้มีเงินได้ต้องจ่ายค่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ในระหว่างวันที่ 13 ตุลาคม 2558-31 ธันวาคม 2559 และจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แล้วเสร็จ ทั้งนี้ผู้มีเงินได้ต้องไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดินหรือห้องชุดในอาคารชุดมาก่อน
ข้อที่ 3. ผู้มีเงินได้ต้องมีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ยกเว้นกรณีเสียชีวิตหรืออสังหาริมทรัพย์นั้นสิ้นสภาพไปทั้งหมด

สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ ( เจ้าของบ้าน )
ตามประกาศนั้นเจ้าของบ้านจะได้สิทธิ์ลดหย่อน 20% ของราคาบ้านที่ซื้อมา โดยจะเฉลี่ยใช้สิทธิเท่าๆ กัน 5 ปี ตัวอย่างเช่น
การรักษาสิทธิ
คุณต้องมีชื่อเป็นเจ้าของบ้านหลังแรกโดยไม่ได้ขายหรือโอนต่อให้ใครติดต่อกันอย่างน้อย 5 ปีนับตั้งแต่แต่วันที่จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์บ้านหลังแรก เว้นแต่กรณีถึงแก่ความตายหรือกรณีบ้านหลังแรกนั้นสิ้นสภาพไปทั้งหมด
เรียบเรียงโดย www.jobthaidd.com
ข้อมูลจาก
https://www.itax.in.th , http://money.kapook.com/view141362.html
และ ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559
หลังจากเมื่อปลายปี 2558 รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วยการผ่อนปรนเงื่อนไขการกู้ซื้อบ้านให้ประชาชนผู้มีรายได้ปานกลางสามารถซื้อบ้านเป็นของตัวเองได้ในราคาไม่เกิน 3,000,000 บาท ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ตามมาด้วยการให้สิทธิผู้ซื้อบ้านหลังแรกสามารถนำเอา 20% ของราคาบ้านไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้เป็นเวลา 5 ปี โดยสามารถใช้ยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปี 2558 ได้เลยนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559 ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศกฎกระทรวง ฉบับที่ 313 (พ.ศ. 2559) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร เพื่อยกเว้นเงินได้บุคคลธรรมดาร้อยละ 20 จากการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทอย่างเป็นทางการแล้ว โดยสรุปใจความสำคัญได้ดังนี้
ข้อที่ 1. ผู้มีเงินได้สามารถนำเอา 20% ของราคาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดินหรือห้องชุดในอาคารชุด มูลค่าไม่เกิน 3 ล้านบาท มาหักลดหย่อนภาษีได้เป็นเวลา 5 ปีต่อเนื่องกัน นับแต่ปีภาษีที่มีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ โดยได้รับยกเว้นภาษีเป็นจำนวนเท่า ๆ กันในแต่ละปีภาษี
ข้อที่ 2. ผู้มีเงินได้ต้องจ่ายค่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ในระหว่างวันที่ 13 ตุลาคม 2558-31 ธันวาคม 2559 และจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แล้วเสร็จ ทั้งนี้ผู้มีเงินได้ต้องไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดินหรือห้องชุดในอาคารชุดมาก่อน
ข้อที่ 3. ผู้มีเงินได้ต้องมีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ยกเว้นกรณีเสียชีวิตหรืออสังหาริมทรัพย์นั้นสิ้นสภาพไปทั้งหมด

สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ ( เจ้าของบ้าน )
ตามประกาศนั้นเจ้าของบ้านจะได้สิทธิ์ลดหย่อน 20% ของราคาบ้านที่ซื้อมา โดยจะเฉลี่ยใช้สิทธิเท่าๆ กัน 5 ปี ตัวอย่างเช่น
- ถ้าคุณซื้อบ้านมาในราคา 3,000,000 บาท จะได้รับค่าลดหย่อนทั้งสิ้นคือ 600,000 บาท
- ค่าลดหย่อนทั้งสิ้น 600,000 บาท โดยใช้สิทธิได้ 5 ปี คิดเป็นเงินปีละ 120,000 บาท
- โดยค่าลดหย่อนนี้สามารถใช้ได้จนถึงปีภาษี 2562 หรือ 2563 แล้วแต่ว่าซื้อบ้านหลังแรกในปีไหน
การรักษาสิทธิ
คุณต้องมีชื่อเป็นเจ้าของบ้านหลังแรกโดยไม่ได้ขายหรือโอนต่อให้ใครติดต่อกันอย่างน้อย 5 ปีนับตั้งแต่แต่วันที่จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์บ้านหลังแรก เว้นแต่กรณีถึงแก่ความตายหรือกรณีบ้านหลังแรกนั้นสิ้นสภาพไปทั้งหมด
เรียบเรียงโดย www.jobthaidd.com
ข้อมูลจาก
https://www.itax.in.th , http://money.kapook.com/view141362.html
และ ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559
- ห้ามมิให้ผู้ใดโพดขายสินค้าเด็ดขาด
- ข้อความโพสโดยสาธารณชน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
แสดงความคิดเห็น :
- กรุณาใช้คำพูดที่สุภาพและไม่ทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสีย- ห้ามมิให้ผู้ใดโพดขายสินค้าเด็ดขาด
- ข้อความโพสโดยสาธารณชน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ติดตามข่าวบน Facebook กด Like เพื่อไม่พลาดข่าว !!!
ศูนย์ข่าวสารงานราชการ ข่าวเปิดสอบราชการ ตำแหน่งงานว่างอัพเดทให้ทุกวัน ติดตามที่นี่ www.jobthaidd.com
ข่าวที่น่าสนใจตอนนี้
กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเลือกสรรเป็นพนักงานราชการทั่วไป 116 อัตรา

สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข รับสมัครบุคคลเพื่อเลือกสรรเป็นพนักงานราชการ 350 อัตรา

กรมทางหลวง เปิดรับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ 42 อัตรา

ด่วน!! เปิดรับสมัครสอบราชการ 9,980 อัตรา ประจำเดือน มีนาคม 2568 เช็กตำแหน่งว่างได้ที่นี่

วิธีตรวจสอบคุณวุฒิตามที่ ก.พ. รับรอง

กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เปิดรับสมัครสอบเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่น ประจำปี 2568

((เว็บไซต์สมัครสอบท้องถิ่น68))

ตำแหน่งว่างว่าง เปิดรับสมัครสอบราชการ วุฒิ ปวช./ปวส./ปริญญาตรี ทุกสาขา

สํานักงาน ก.พ. รับสมัครสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไป ประจําปี 2568 จำนวน 450,000 ที่นั่ง

กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเลือกสรรเป็นพนักงานราชการทั่วไป 116 อัตรา

สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข รับสมัครบุคคลเพื่อเลือกสรรเป็นพนักงานราชการ 350 อัตรา

กรมทางหลวง เปิดรับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ 42 อัตรา

ด่วน!! เปิดรับสมัครสอบราชการ 9,980 อัตรา ประจำเดือน มีนาคม 2568 เช็กตำแหน่งว่างได้ที่นี่

วิธีตรวจสอบคุณวุฒิตามที่ ก.พ. รับรอง

กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เปิดรับสมัครสอบเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่น ประจำปี 2568

((เว็บไซต์สมัครสอบท้องถิ่น68))

ตำแหน่งว่างว่าง เปิดรับสมัครสอบราชการ วุฒิ ปวช./ปวส./ปริญญาตรี ทุกสาขา

สํานักงาน ก.พ. รับสมัครสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไป ประจําปี 2568 จำนวน 450,000 ที่นั่ง
