ครม.ไฟเขียวปลดหนี้ครู
นำเสนอข่าวโดย > ทีมงานจ๊อบไทยดีดี ดอทคอม
ครม.ไฟเขียวปลดหนี้ครู
ธ.ออมสินปล่อยเงินกู้ก้อนใหม่ให้ครูใช้หนี้เดิม โดยใช้เงินช.พ.ค. หรือบำเหน็จตกทอด มาค้ำประกัน รับนายกฯ ห่วง ให้คลังคุย ศธ. หาทางคุมไม่ให้สร้างหนี้ใหม่
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมครม.ว่า ที่ประชุมได้อนุมัติโครงการลดภาระหนี้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอมา โดยธนาคารออมสินจะปล่อยวงเงินสินเชื่อใหม่ให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา คาดว่าจะช่วยแก้ปัญหาหนี้สินให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ 283,000 ราย ลดภาระหนี้ได้เฉลี่ยรายละ 300,000 – 600,000 บาท ทำให้ลดภาระการผ่อนชำระหนี้เดิมลง เหลือเดือนละ 2,000 – 4,000 บาท หรือบางรายก็สามารถชำระหนี้ปิดบัญชีได้
ขณะเดียวกัน ผู้ที่กู้เงินจะได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจากเดิมปีละ 5.85 – 6.70% เหลือปีละ 4% ทำให้ผู้กู้ไม่ต้องผ่อนชำระหนี้วงเงินสินเชื่อใหม่ตลอดอายุสัญญา รวมทั้งบรรดาครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้งหมด จะได้มีขวัญกำลังใจในการทำงาน ช่วยให้เกิดการพัฒนาวิชาชีพครูในภาพรวมและคุณภาพการศึกษาของประเทศ
ทั้งนี้ ธนาคารออมสินจะปล่อยสินเชื่อใหม่ให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการ โดยใช้เงินทายาทจะได้รับในอนาคตเมื่อผู้กู้เสียชีวิต เพื่อใช้ค้ำประกัน ทั้งเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ครอบครัว (ช.พ.ค.) หรือเงินบำเหน็จตกทอด นำค้ำประกันเพื่อขอเงินสินเชื่อใหม่ ในการช่วยลดภาระหนี้ หรือปิดบัญชีหนี้ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งธนาคารจะคิดดอกเบี้ยต่ำกว่าปกติให้ ขณะเดียวกันผู้กู้ก็ไม่ต้องผ่อนชำระหนี้ในวงเงินสินเชื่อใหม่ตลอดอายุสัญญา
“ในการประชุมครั้งนี้ มีข้อสังเกตจากนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีหลายคน ที่ให้ความเห็นประกอบการพิจารณาเอาไว้ ซึ่งเป็นสาระสำคัญของเรื่อง โดยแสดงความเป็นห่วงว่า เมื่อธนาคารออมสินปล่อยกู้ใหม่ไปแล้ว ก็อยากให้ครูใช้วงเงินนี้ให้ตรงตามวัตถุประสงค์ คือ ต้องไปใช้หนี้เดิมก่อน ไม่ใช่ไปสร้างหนี้ใหม่ เพราะไม่อย่างนั้นก็คงจะไปไม่รอด โดยนายกฯ ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง ไปหารือกับกระทรวงศึกษา เพื่อพิจารราแนวทางการป้องกันปัญหานี้อีกที ขณะที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ก็ทำความเห็นเสนอมาว่า ทั้ง 2 กระทรวงต้องไปติดตามการดำเนินโครงการและต้องรายงานมาให้ที่ประชุม ครม.ทราบภายใน 3 เดือน และต้องเสนอแนวทางการแก้ปัญหาในระยะยาวมาให้ครม.ด้วย”
รายงาน ข่าวจากกระทรวงการคลัง แจ้งว่า การดำเนินโครงการดังกล่าว ต้องตรวจสอบสถานะของผู้กู้ที่เป็นครูและบุคลากรทางการศึกษา ก่อนที่จะอนุมัติวงเงินสินเชื่อใหม่ให้ โดยออมสินก็มีหลักเกณฑ์การปล่อยกู้ที่เข้มงวดอยู่แล้ว พร้อมกับได้ตรวจสอบบัญชีของผู้กู้ด้วย จากนั้นเมื่อเห็นว่า มีความเหมาะสมที่ต้องเข้าให้ความช่วยเหลือรายที่เดือดร้อนจริง ๆ ก็พิจารณาปล่อยสินเชื่อให้
ที่มา http://www.dailynews.co.th/economic/378621
ธ.ออมสินปล่อยเงินกู้ก้อนใหม่ให้ครูใช้หนี้เดิม โดยใช้เงินช.พ.ค. หรือบำเหน็จตกทอด มาค้ำประกัน รับนายกฯ ห่วง ให้คลังคุย ศธ. หาทางคุมไม่ให้สร้างหนี้ใหม่
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมครม.ว่า ที่ประชุมได้อนุมัติโครงการลดภาระหนี้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอมา โดยธนาคารออมสินจะปล่อยวงเงินสินเชื่อใหม่ให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา คาดว่าจะช่วยแก้ปัญหาหนี้สินให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ 283,000 ราย ลดภาระหนี้ได้เฉลี่ยรายละ 300,000 – 600,000 บาท ทำให้ลดภาระการผ่อนชำระหนี้เดิมลง เหลือเดือนละ 2,000 – 4,000 บาท หรือบางรายก็สามารถชำระหนี้ปิดบัญชีได้
ขณะเดียวกัน ผู้ที่กู้เงินจะได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจากเดิมปีละ 5.85 – 6.70% เหลือปีละ 4% ทำให้ผู้กู้ไม่ต้องผ่อนชำระหนี้วงเงินสินเชื่อใหม่ตลอดอายุสัญญา รวมทั้งบรรดาครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้งหมด จะได้มีขวัญกำลังใจในการทำงาน ช่วยให้เกิดการพัฒนาวิชาชีพครูในภาพรวมและคุณภาพการศึกษาของประเทศ
ทั้งนี้ ธนาคารออมสินจะปล่อยสินเชื่อใหม่ให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการ โดยใช้เงินทายาทจะได้รับในอนาคตเมื่อผู้กู้เสียชีวิต เพื่อใช้ค้ำประกัน ทั้งเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ครอบครัว (ช.พ.ค.) หรือเงินบำเหน็จตกทอด นำค้ำประกันเพื่อขอเงินสินเชื่อใหม่ ในการช่วยลดภาระหนี้ หรือปิดบัญชีหนี้ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งธนาคารจะคิดดอกเบี้ยต่ำกว่าปกติให้ ขณะเดียวกันผู้กู้ก็ไม่ต้องผ่อนชำระหนี้ในวงเงินสินเชื่อใหม่ตลอดอายุสัญญา
“ในการประชุมครั้งนี้ มีข้อสังเกตจากนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีหลายคน ที่ให้ความเห็นประกอบการพิจารณาเอาไว้ ซึ่งเป็นสาระสำคัญของเรื่อง โดยแสดงความเป็นห่วงว่า เมื่อธนาคารออมสินปล่อยกู้ใหม่ไปแล้ว ก็อยากให้ครูใช้วงเงินนี้ให้ตรงตามวัตถุประสงค์ คือ ต้องไปใช้หนี้เดิมก่อน ไม่ใช่ไปสร้างหนี้ใหม่ เพราะไม่อย่างนั้นก็คงจะไปไม่รอด โดยนายกฯ ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง ไปหารือกับกระทรวงศึกษา เพื่อพิจารราแนวทางการป้องกันปัญหานี้อีกที ขณะที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ก็ทำความเห็นเสนอมาว่า ทั้ง 2 กระทรวงต้องไปติดตามการดำเนินโครงการและต้องรายงานมาให้ที่ประชุม ครม.ทราบภายใน 3 เดือน และต้องเสนอแนวทางการแก้ปัญหาในระยะยาวมาให้ครม.ด้วย”
รายงาน ข่าวจากกระทรวงการคลัง แจ้งว่า การดำเนินโครงการดังกล่าว ต้องตรวจสอบสถานะของผู้กู้ที่เป็นครูและบุคลากรทางการศึกษา ก่อนที่จะอนุมัติวงเงินสินเชื่อใหม่ให้ โดยออมสินก็มีหลักเกณฑ์การปล่อยกู้ที่เข้มงวดอยู่แล้ว พร้อมกับได้ตรวจสอบบัญชีของผู้กู้ด้วย จากนั้นเมื่อเห็นว่า มีความเหมาะสมที่ต้องเข้าให้ความช่วยเหลือรายที่เดือดร้อนจริง ๆ ก็พิจารณาปล่อยสินเชื่อให้
ที่มา http://www.dailynews.co.th/economic/378621
- ห้ามมิให้ผู้ใดโพดขายสินค้าเด็ดขาด
- ข้อความโพสโดยสาธารณชน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
แสดงความคิดเห็น :
- กรุณาใช้คำพูดที่สุภาพและไม่ทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสีย- ห้ามมิให้ผู้ใดโพดขายสินค้าเด็ดขาด
- ข้อความโพสโดยสาธารณชน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ติดตามข่าวบน Facebook กด Like เพื่อไม่พลาดข่าว !!!
ศูนย์ข่าวสารงานราชการ ข่าวเปิดสอบราชการ ตำแหน่งงานว่างอัพเดทให้ทุกวัน ติดตามที่นี่ www.jobthaidd.com