วันนี้( 19 ม.ค.)  ดร.ฑิตติมา วิชัยรัตน์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) เปิดเผยการชำระหนี้เงินกู้ กยศ.คืนว่า ปี 2558 มีผู้ชำระหนี้เพิ่มมากขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยมียอดชำระจำนวน 17,000 ล้านบาท เพิ่มมากขึ้นจากปี 2557 ที่ชำระประมาณ 13,000 ล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการรณรงค์ชำระหนี้ในโครงการต่าง ๆ อีกทั้ง กยศ.ยังได้ทำความร่วมมือกับองค์กรนายจ้างเพื่อรณรงค์ให้พนักงานที่เป็นลูกหนี้ กยศ.เข้าร่วมโครงการหักเงินเดือน ซึ่งมีบริษัทเอกชนหลายแห่งให้ความสนใจ ขณะที่ปลัดกระทรวงการคลังก็ได้ส่งหนังสือขอความร่วมมือไปยังหัวหน้าส่วนราชการทุกแห่งให้เข้าร่วมโครงการนี้ด้วย จึงเชื่อว่าปีต่อไปจะมียอดชำระหนี้เพิ่มขึ้นแน่นอน

“สำหรับผู้กู้ที่ไม่ชำระหนี้นั้น ขณะนี้ กยศ.ได้ยื่นฟ้อง และมีผู้ที่ต้องส่งเรื่องยึดทรัพย์บังคับคดีแล้ว แบ่งเป็นปี 2547 จำนวน 4,179 ราย เป็นเงิน 109 ล้านบาท ปี 2548 จำนวน 19,993 ราย เป็นเงิน 522 ล้านบาท และปี 2549 จำนวน 36,037 ราย เป็นเงิน 1,900 ล้านบาท รวม 3 ปีมีผู้ที่ถูกส่งเรื่องยึดทรัพย์จำนวน 60,209 ราย โดยในจำนวนนี้ สืบพบทรัพย์และทำการยึดทรัพย์ขายทอดตลาดแล้ว แบ่งเป็น ปี 2547 จำนวน 665 ราย ปี 2548 จำนวน 1,910 ราย และ ปี 2549 จำนวน 1,278 ราย รวม 3 ปี มีผู้ถูกยึดทรัพย์ไปแล้วจำนวน 3,853 ราย”ผู้จัดการกยศ.กล่าวและว่า ส่วนการดำเนินการฟ้องร้องผู้กู้ที่ค้างชำระในปี 2550 นั้น อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าข่ายถูกดำเนินคดีอีกประมาณ 50,000 ราย ทั้งนี้ขอย้ำว่า กยศ.จริงจังกับการดำเนินคดีกับผู้ที่ไม่มาชำระหนี้ จึงอยากให้คนที่ไม่มาใช้หนี้และรู้ตัวว่าเข้าข่ายจะถูกฟ้องมาติดต่อ มิฉะนั้นจะต้องถูกฟ้องบังคับคดีและยึดทรัพย์เพื่อขายทอดตลาดแน่นอน

ดร.ฑิตติมา ยังได้กล่าวถึงประมาณการผู้กู้ กยศ.ทั้งรายเก่าและรายใหม่ปีการศึกษา 2559 ว่า จำนวนผู้กู้น่าจะลดลงจาก 750,000 รายในปี 2558 โดยเหลือเพียง 670,000 ราย เนื่องจากอัตราการเกิดลดลง และตั้งแต่ปีการศึกษา2559 กยศ.จะพิจารณารายละเอียดต่าง ๆ มากขึ้น รวมถึงมีการกำหนดผลการเรียนขั้นต่ำของผู้กู้ที่ต้องมีเกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.00 เป็นต้น

ข่าวจาก http://www.dailynews.co.th/education/374213