เทคนิควิธีสอบ TOEIC ให้ได้คะแนนสูงปี๊ด 800 UP!!
นำเสนอข่าวโดย > ทีมงานจ๊อบไทยดีดี ดอทคอม
เรียกได้ว่าเป็นสนามสอบวัดระดับความรู้ภาษาอังกฤษที่ได้รับความสนใจมากจริงๆ สำหรับการทดสอบ The Test of English for International Communication หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า"TOEIC" ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ วัยทำงาน หรือวัยเรียนระดับมหาวิทยาลัย คงไม่วายเตรียมตัว เตรียมความพร้อมสำหรับการสอบ TOEIC กันแน่นอน เพราะนอกจากจะใช้วัดระดับการใช้ภาษาอังกฤษแล้ว ยังช่วยเป็นใบเบิกทางสำหรับการเข้าทำงานได้อีกด้วย Life on Campus จึงไม่พลาดหยิบนำเทคนิคดีๆ สำหรับการทำข้อสอบ TOEIC ให้ได้คะแนน 800 up!! จากกระทู้พันทิพของคุณ Bubble Bie มาฝากกัน ตามมาดูกันเลยว่าจะมีอะไรบ้าง.. TOEIC ใบเบิกทางสู่การทำงาน |
|||
1. TOEIC Listening and Reading Test (การฟังและการอ่าน) 2. TOEIC Speaking and Writing Tests (การพูดและการเขียน) ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ โดยในประเทศไทย มีการสอบเฉพาะแบบ TOEIC Listening and Reading Test (การฟังและการอ่าน) ซึ่งเป็นแบบทดสอบซึ่งสามารถวัดทักษะความสามารถในการนำภาษาอังกฤษมาใช้งานได้จริง ทั้งด้านการฟังและการอ่านคะแนนของ TOEIC ไม่มีคะแนนได้ คะแนนตก ซึ่งแต่ละคะแนนจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการใช้ภาษาของผู้สอบ โดยคะแนน TOEIC เริ่มจาก 10 คะแนนถึง 990 คะแนน รูปแบบการสอบTOEIC (Listening and Reading Test) |
|||
1.การฟัง (Listening Comprehension) มี 100 ข้อ คะแนนเต็ม 495 คะแนน เวลา 45 นาที ผู้เข้าสอบจะได้ฟังคำถาม และการสนทนาสั้นๆ เป็นภาษาอังกฤษ แล้วตอบคำถามจากสิ่งที่ได้ยิน โดยแบ่งออกเป็น 4 ส่วนย่อย ดังนี้ Part 1: Photographs 10 ข้อ Part 2 : Question-Response 30 ข้อ Part 3 : Conversations 30 ข้อ Part 4 : Short Talks 30 ข้อ 2.การอ่าน (Reading Comprehension) มี 100 ข้อ คะแนนเต็ม 495 คะแนน เวลา 75 นาที ผู้เข้าสอบจะต้องตอบคำถามจากสิ่งที่อ่าน โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนย่อย ดังนี้ Part 5: Incomplete Sentences 40 ข้อ Part 6: Text Completion 12 ข้อ Part 7: Reading Comprehension 48 ข้อ ท่องเว็บไซต์สุดเจ๋ง..เตรียมความพร้อมก่อนลงสนาม!! หลังจากที่ได้ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการทดสอบ Toeic เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเตรียมความพร้อมก่อนลงสนามจริง ด้วยการหาซื้อหนังสือแบบทดสอบเพื่อทำแบบฝึกหัดเสริมความรู้ ส่วนสำหรับใครที่อยากฝึกฝนเพิ่มเติมนอกเหนือจากในตำราแล้ว ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยในการฝึกฝนภาษาอังกฤษได้เช่นกัน นั้นคือเว็บไซด์ทำแบบทดสอบเฉพาะสำหรับการสอบวัดระดับทางภาษานั้นเอง 1. Listening part |
|||
http://www.4tests.com/exams/questions.asp?exid=23842791&googlebot=57 ถึงแม้ว่าทางเว็บจะบอกว่าเป็น listening ของ TOEFL แต่ตัวข้อสอบเองมีความคล้ายคลึงกับข้อสอบ TOEIC ข้อดีก็คือมี script ให้ด้วย ตอนแรกอาจเริ่มจากการฟังฟังแบบปิด script ก่อนแล้วตอบคำถาม แล้วฟังอีกรอบนึงโดยดู Script เพื่อเพิ่มความเข้าใจอีกครั้งหนึ่ง ส่วนเว็บที่สอง http://www.english-test.net/toeic/ เว็บนี้เป็นจำลองแบบข้อสอบ TOEIC จุดเด่นของเว็บนี้คือมี part ที่เป็นรูปภาพให้ลองทำด้วย 2. Reading part |
|||
สำหรับเว็บไซต์ที่ใช้ฝึก Reading part นะคะก็มีเว็บแรก http://www.english-test.net/toeic/ เว็บนี้จะมีข้อสอบให้ลองทำเยอะมาก เวลาทำถ้าข้อไหนผิด ให้ลองอ่านใหม่อีกรอบข้อเดิม ลองดูว่าคำตอบเราจะเปลี่ยนรึเปล่า แรกๆ ก็อาจจะทำไปเปิด dictionary ไปค่ะ สัก 3-4 passages ให้คุ้นเคยกับการอ่านก่อน แล้วค่อยเริ่มเปลี่ยนเป็นการเดาจาก context แทนค่ะ ส่วนเว็บที่สองที่ใช้ฝึก Reading part คือ http://www.examenglish.com/TOEIC/TOEIC_reading.htm เว็บนี้ก็มีข้อสอบ listening part ให้ทำด้วยนะคะ ฝึกทำไปเรื่อยๆ เวลาทำผิดก็ต้องเช็คค่ะว่าทำตรงไหนผิด ที่สำคัญ เวลาทำแบบฝึกหัดต้องจับเวลาด้วยค่ะ เทคนิคโกยคะแนน TOEIC 800 UP!! |
|||
เริ่มต้นกันที่ Listening Part 1. Photos เริ่มจาก Photos Part นะคะ เขาจะมีรูปให้มา จากนั้นจะมีคนถามคำถาม แล้วบอก choice มา 4 choice เทคนิคในการทำ Part นี้ก็คือ ให้ดูองค์ประกอบของภาพก่อนเลยค่ะว่ามีใครอยู่บ้าง ผู้หญิง ผู้ชาย มีสิ่งของวางอยู่ตรงไหนบ้าง พอฟัง choice จะได้ตอบได้ทันทีค่ะ หรือใครดูภาพไม่ทัน ระหว่างที่โจทย์กำลังพูด choice แต่ละ choice เราก็ไล่ดูค่ะ อันไหนไม่ใช่ก็ตัดทิ้งไปเลยค่ะ 2. Questions หลังจบจาก Photos ก็จะมาเจอ Questions part ค่ะ ส่วนสำคัญของ Part นี้คือต้องเข้าใจโจทย์ค่ะว่าโจทย์ถามอะไร Who, Where, What time, When, Why, How เพราะมันจะช่วยในการเดาค่ะ ถ้าหากฟัง choice ไม่ออก เช่น ถ้าโจทย์ถามว่า Where ก็ต้องตอบเป็นชื่อสถานที่ 3. Conversations Part ต่อมาคือ Conversations และ Talks เริ่มอ่านคำถามก่อนเลยค่ะก่อนที่จะเริ่ม conversations หรือ Talks จะได้ทราบว่าจะต้องจับใจความเรื่องอะไรบ้าง ต้องระวังนะคะบางทีโจทย์อาจจะหลอก เช่นบอกว่านัดเจอกันวันศุกร์ แต่อีกคนไม่ว่างขอเลื่อนนัดเป็นวันเสาร์แทน 4. Talks ส่วนสุดท้ายคือ Reading Part ต้องตั้งสติให้ดีค่ะ อย่าสะเพร่า โดยเฉพาะข้อแรกๆ ที่ไม่ใช่ Passage ต้องทำให้ได้เยอะที่สุดค่ะ เพราะอ่านประโยคสั้นๆ แล้วตอบคำถาม ถ้าจะยากก็ตรง Grammar เพราะต้องจำ Grammar ให้ได้ พวก Tense ต่างๆ If-clause เป็นต้น |
|||
1. Error recognition อันนี้ต้องแม่น Grammar ค่ะ สิ่งแรกที่ควรเช็คก่อนเลยคือ tenses ค่ะ ดูว่าใช้ verb tense ถูกรึเปล่า ตามด้วย Noun-verb agreement ค่ะ ว่าถูกรึเปล่า พวกประเภทของคำเช่นเป็น noun หรือ adjective หรือ adverb ค่ะ 2. Text completion อันนี้แนะนำว่า ตัดข้อที่ไม่ใช่แน่ๆออกค่ะ อย่างน้อยก็เพิ่มความเป็นไปได้ที่จะตอบถูกให้มากขึ้นค่ะ ศัพท์บางคำอาจจะอยู่ในรูปที่เราไม่รู้ความหมาย ก็ต้องลองแตกศัพท์ดูค่ะว่ามันคล้ายกับคำที่เรารู้รึเปล่า ยกตัวอย่างเช่น คำว่า Inhibit เราไม่รู้ว่าแปลว่าอะไรแต่เรารู้ว่าคำว่า Prohibit แปลว่าห้าม เราก็อาจจะเดาไปว่ามันคงเป็นอะไรเกี่ยวกับการห้ามหรืออนุญาตประมาณนี้ 3. Short passage ต้องบอกก่อนว่าเราไม่ต้องเข้าใจทุกคำเพื่อให้ทำข้อสอบได้ค่ะ เช่นถ้าเราไม่เข้าใจประธานของประโยค ก็ให้เราสมมติว่าประธานคือใครสักคน หรืออะไรสักอย่าง ถ้าเราไม่เข้าใจ Verb ของประโยค ก็ให้คิดว่า Verb นั้นคือการทำอะไรบางอย่าง เพราะถ้าเราใจจดใจจ่อเราก็จะลืมภาพรวมของ Reading ไป นอกจากนี้ ถึงเราจะจดจ่อแค่ไหน เราก็อาจจะนึกไม่ออกอยู่ดี เอาไว้ถ้าคำถามมันถามเกี่ยวกับศัพท์คำนั้น เราค่อยเครียดดีกว่าค่ะ ดังนั้นเราต้องอ่านภาพรวมของ passage ก่อนว่าเค้าพูดเรื่องอะไร หรือที่เรียกว่า Topic ของ Passage อะค่ะ แล้วคนเขียนเค้าใช้วิธีอะไรเขียน เค้าใช้วิธียกตัวอย่าง หรือเป็นการไม่เห็นด้วยกับทฤษฏีต่างๆ เป็นต้นค่ะ 4. Double passages Reading part นี้จะอยู่ส่วนท้ายๆของข้อสอบ เวลาชักจะจวนเจียน ตื่นเต้นเหลือเกิน ถ้าใครตื่นเต้นมากๆ ให้จำไว้นะคะว่าการตื่นเต้นไม่ช่วยอะไร ถ้าเราทำไม่ทันจริงๆ เราก็เดาได้ค่ะ สู้เราทำข้อที่เราทำอยู่ให้ถูกก็พอค่ะPart นี้จะมี Passages มาให้สอง Passages ค่ะ อาจจะเป็น email คุยโต้ตอบกัน สิ่งสำคัญใน Part นี้คือเราต้องเข้าใจค่ะว่าวัตถุประสงค์ในการส่ง email มาของแต่ละฝ่ายเค้าต้องการอะไรค่ะ ถึงจะตอบโจทย์ได้ ** ส่วนเรื่องเวลาในการทำ Part Reading ** Part 1 กับ 2 ไม่ควรใช้เวลาเกิน 1 นาทีค่ะ เพราะเป็นประโยคสั้นๆ Part 3 กับ 4 ไม่ควรใช้เวลาเกิน 2 นาทีต่อข้อค่ะ เนื่องจากข้อสอบไม่ได้กำหนดว่าต้องทำข้อไหนก่อน ฉะนั้นเราจะเลือกทำข้อไหนก่อนก็ได้ค่ะ เราต้องรู้ว่าเราถนัด part ไหน ให้ทำ part ที่ถนัดก่อนเลยค่ะ เพราะ Part ที่ไม่ถนัดเราอาจจะใช้เวลานาน และก็ไม่ทราบว่าจะทำถูกรึเปล่า ดังนั้นจึงเลือกทำในส่วนที่เรามั่นใจก่อน เพื่อเป็นการไม่เสียเวลานั้นเอง ขอบคุณข้อมูลจากกระทู้พันทิพ BuBble Bie - http://pantip.com/topic/32511156 - http://www.2btopic.com/inter/toeic1.html - http://www.manager.co.th/ |
- ห้ามมิให้ผู้ใดโพดขายสินค้าเด็ดขาด
- ข้อความโพสโดยสาธารณชน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
แสดงความคิดเห็น :
- กรุณาใช้คำพูดที่สุภาพและไม่ทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสีย- ห้ามมิให้ผู้ใดโพดขายสินค้าเด็ดขาด
- ข้อความโพสโดยสาธารณชน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ติดตามข่าวบน Facebook กด Like เพื่อไม่พลาดข่าว !!!
ศูนย์ข่าวสารงานราชการ ข่าวเปิดสอบราชการ ตำแหน่งงานว่างอัพเดทให้ทุกวัน ติดตามที่นี่ www.jobthaidd.com
ข่าวที่น่าสนใจตอนนี้
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดรับสมัครสอบบุคคลเข้ารับราชการ 94 อัตรา
ด่วน!! เปิดรับสมัครสอบราชการ
สำนักงาน ก.พ. เปิดรับสมัครสอบ ภาค ก (Paper & Pencil) ประจำปี 2567
กสถ.เตรียมเปิดรับสมัครสอบท้องถิ่น 2567 จำนวน 65 ตำแหน่ง 4,010 อัตรา แล้ว!!
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดรับสมัครสอบบุคคลเข้ารับราชการ 94 อัตรา
ด่วน!! เปิดรับสมัครสอบราชการ
สำนักงาน ก.พ. เปิดรับสมัครสอบ ภาค ก (Paper & Pencil) ประจำปี 2567
กสถ.เตรียมเปิดรับสมัครสอบท้องถิ่น 2567 จำนวน 65 ตำแหน่ง 4,010 อัตรา แล้ว!!